7 เทคนิครับมือเมื่อลูกต้องย้ายโรงเรียน
เรื่องของการย้ายโรงเรียน เชื่อว่าถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ คุณพ่อคุณแม่ก็คงไม่อยากย้ายหรอกโนะ ซึ่งสำหรับกรณีของน้องมิน เขาเคยย้ายมาครั้งหนึ่งค่ะ แต่ตอนนั้นยังอยู่ชั้นเตรียมอนุบาล ที่ทางครอบครัวลองให้เรียนที่โรงเรียนเดิม 1 เทอม
ก่อนที่โน้ตจะเลือกให้ลูกเข้าโรงเรียนไหน โน้ตไปสำรวจสถานที่ก่อนค่ะ เดินทุกซอกทุกมุม หากมีส่วนไหนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สอบถามจากครูในวันนั้นเลย ซึ่งปรากฏว่า โรงเรียน ก เป็นโรงเรียนที่โน้ตรู้สึกว่าโอเคสุด แต่พอมาดูโรงเรียน ข ทางโรงเรียนต้อนรับขับสู้ดี ให้น้องมินได้ลองนั่งกินข้างกลางวันกับเพื่อน ๆ เขาก็นั่งกินได้ เราเลยตัดสินใจให้เข้าโรงเรียน ข แต่พอผ่านไป 1 เทอม ทุกอย่างไม่ได้เป็นอย่างที่คิด จึงทำเรื่องลาออกแล้วย้ายมาโรงเรียน ก ซึ่งตอนนี้น้องมินก็เรียนอยู่ที่โรงเรียน ก นี้ค่ะ ผ่านมา 2 ปี กว่าแล้ว ลูกดูมีความสุขดี
อ่ะ…ชวนคุณแม่คุยซะยาวเลย มาเข้าเรื่องกันดีกว่า เพราะวันนี้โน้ตจะมาเล่าให้ฟังค่ะว่าก่อนที่จะพาน้องมินไปโรงเรียนใหม่นั้น เราต้องทำอะไรบ้าง เพื่อให้ลูกได้มีการปรับตัวได้เร็วและไม่งอแงเวลาไปเรียนจริง
7 เทคนิครับมือเมื่อลูกต้องย้ายโรงเรียน
พาลูกไปดูโรงเรียนใหม่ก่อนวันเรียนจริง
เพื่อให้ลูกได้ทำความคุ้นเคย และรู้ว่าห้องเรียนของเขาอยู่ตรงไหน บรรยากาศในโรงเรียนเป็นอย่างไร มีสนามเด็กเล่น มีห้องน้ำอยู่ส่วนไหนบ้าง จะได้ไม่ตื่นเต้นและกลัวกับสถานที่ใหม่
ให้ลูกอยู่โรงเรียนครึ่งวันในสัปดาห์แรก
หากลูกยังเป็นเด็กเล็กอยู่ในวัยเตรียมอนุบาลหรือแม้ชั้นอนุบาลก็ตาม คุณแม่อาจคุยกับคุณครูก่อนก็ได้ค่ะว่า ช่วงสัปดาห์แรก ขอเป็นครึ่งวันก่อนได้ไหม แต่ส่วนใหญ่คุณครูก็เข้าใจค่ะ แต่ถ้าน้องสามารถอยู่ได้ทั้งวันก็ลองให้น้องอยู่จนเลิกเรียนได้เลยค่ะ
พาลูกไปพบครูและเพื่อนใหม่
ให้ลูกได้ไปพบเพื่อนใหม่และคุณครูประจำชั้น เพื่อวันที่ต้องมาเรียนจริงจะได้ไม่แปลกหน้ากัน เป็นการช่วยให้ลูกปรับตัวได้เร็วขึ้น
ให้กำลังใจ และถามไถ่ลูก
หมั่นพูดคุยกับลูก ให้กำลังใจ ให้ความเข้าใจ โดยเฉพาะหลังเลิกเรียน ให้คุณแม่ถามไถ่ลูกเรื่องการเรียน เรื่องกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัดให้ในแต่ละวัน ว่าลูกสนุกไหม ลูกชอบไหม เรียนอะไรบ้าง มีเพื่อนใหม่หรือยัง ฯลฯ เพื่อเป็นการทำให้ลูกรู้ว่าคุณแม่คิดถึงเขาเสมอ ไม่ได้ทิ้งเขาไปไหน
พูดคุยกับคุณครู
หมั่นสื่อสารกับครูบ่อย ๆ สอบถามถึงกิจวัตรประจำวันที่โรงเรียน และพฤติกรรมของลูกว่าเป็นอย่างไร เข้ากับเพื่อนในห้องได้หรือเปล่า ฯลฯ เพราะหากมีข้อบกพร่องอะไร เราจะได้แก้ไขค่ะ
ให้เวลากับลูกมากขึ้น
เพราะทั้งสัปดาห์ลูกต้องอยู่ที่โรงเรียน เพราะฉะนั้นเมื่อได้อยู่บ้านลูกจะดีใจ โดยเฉพาะหากมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ด้วย แต่บางครอบครัวต้องทำงานกันทั้งคุณพ่อคุณแม่ หากเป็นไปได้ พยายามจัดเวลาให้ลูกมากขึ้นอีกสักนิดนะคะ พูดคุย ถามไถ่ลูกในเรื่องต่าง ๆ เพื่อเป็นการให้กำลังใจลูกได้อีกทางหนึ่งค่ะ
ทำความรู้จักกับผู้ปกครองท่านอื่น
โดยเฉพาะกับเพื่อนใหม่ที่ลูกคบด้วย แต่ถึงแม้เป็นเด็กเล็กก็ไม่เป็นไร เพราะหากมีอะไรฉุกเฉินหรือติดขัดเรื่องเรียนก็ยังสามารถช่วยกันแนะนำได้
กรณีเด็กโต พาลูกไปหาครูและเพื่อนเก่าบ้าง
หากเป็นเด็กโต อาจมีบ้างที่ลูกจะคิดถึงเพื่อนและคุณครู คุณพ่อคุณแม่ลองหาเวลาว่างพาลูกไปเยี่ยมเยียนที่โรงเรียนเก่าด้วยก็จะดีนะคะ
การย้ายโรงเรียนไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม คุณพ่อคุณแม่ควรคำนึงถึงตัวลูกและความรู้สึกของลูกด้วยนะคะ การเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านจิตใจ เพื่อให้ลูกปรับตัวได้เร็วและมีความสุขกับการไปโรงเรียนในทุก ๆ วันค่ะ