แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการทำงานของร่างกาย หากร่างกายขาดแมกนีเซียมเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด, โรคหัวใจและหลอดเลือด, เบาหวาน, ความดันโลหิตสูง, กระดูกพรุน และยังมีผลต่อระบบประสาท ฮอร์โมน ระบบทางเดินอาหาร ไต รวมถึงกล้ามเนื้อต่าง ๆ อีกด้วย โดยเฉพาะคุณแม่ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
แมกนีเซียม คืออะไร
แมกนีเซียม (Magnesium) คือ แร่ธาตุที่สำคัญและจำเป็นของร่างกายมนุษย์พบอยู่ประมาณร้อย 0.5 ของน้ำหนักกายพบได้ในทุกเซลล์ของร่างกาย ส่วนมากมักพบได้ บริเวณกระดูก เซลล์กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อ
แมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการส่งเสริมการก่อตัวของกระดูกและฟัน การหดตัวของกล้ามเนื้อ รักษาระดับความดันโลหิตและปรับสมดุลระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติ
แหล่งของแมกนีเซียมพบได้ในผลิตภัณฑ์จากถั่วเมล็ดแห้ง ธัญพืชเต็มเมล็ด เนื้อสัตว์ นม ดาร์กช็อกโกแลต ผักและผลไม้หลายชนิด เช่น เมล็ดฟักทอง เมล็ดเจีย อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสง นมถั่วเหลือง เป็นต้น
ประโยชน์ของแมกนีเซียม
แมกนีเซียมนับเป็นสารอาหารที่จำเป็นสำหรับการทำงานของเซลล์ในร่างกาย แมกนีเซียมส่วนเกินสามารถขับออกจากร่างกายผ่านทางอุจจาระหรือเหงื่อได้ อย่างไรก็ตามการได้รับแมกนีเซียมที่เพียงพอและเหมาะกับร่างกายจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพราะมีส่วนช่วยในการเสริมสร้างการทำงานของระบบต่าง ๆ ดังนี้
เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง
หากขาดแมกนีเซียมจะทำให้กระดูกมีความเปราะบางและแตกหักได้ง่าย
ลดความถี่และความรุนแรงจากการเกิดตะคริว
โดยเฉพาะคุณแม่ในภาวะตั้งครรภ์ช่วยลดการหดเกร็งของกล้ามเนื้อขาอย่างฉับพลัน
ช่วยในกระบวนการเผาผลาญ
โดยแมกนีเซียมสามารถกระตุ้นน้ำย่อยที่มีส่วนช่วยในกระบวนการเผาผลาญให้ทำงานได้ดีขึ้น
ส่งเสริมการดูดซึม
ช่วยให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุต่างๆได้ดีขึ้น
ช่วยในการควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อให้ทำงานปกติ
ซึ่งสำคัญต่อการส่งสัญญาณประสาท
รักษาสมดุลระดับน้ำตาลในเลือด
โดยเพิ่มประสิทธิภาพในการเปลี่ยนน้ำตาลในเลือดให้เป็นพลังงานได้ดี
แมกนีเซียมสำคัญต่อคนท้องอย่างไร
แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่ร่างกายไม่สามารถผลิตขึ้นเองได้จำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหารหรืออาหารเสริมเท่านั้น นอกจากมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของเซลล์ต่างๆและ ส่งเสริมความแข็งแรงของกระดูกและฟันแล้ว แมกนีเซียมยังสำคัญกับคนท้อง ดังนี้
- ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ลดอาการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
- รักษาระดับคลอเลสเตอรอลและอัตราการเต้นของหัวใจให้คงที่
- ป้องกันภาวะแทรกซ้อนในขณะตั้งครรภ์
- ลดปัญหาครรภ์เป็นพิษและอาการแท้งบุตร รวมไปถึงการคลอดก่อนกำหนด
- ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน
- ช่วยควบคุมอาการชักในรายที่เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ (preeclampsia) รุนแรง
- ช่วยป้องกันระบบประสาทของทารกในครรภ์ (fetal neuroprotection) ในรายที่มีการเจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนด (preterm labor)
- รักษาภาวะมดลูกหดเกร็ง (uterine tetany)
ปริมาณแมกนีเซียมที่ควรได้รับ
อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าแมกนีเซียมมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายโดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์และอยู่ระหว่างให้นมบุตร อย่างไรก็ตามปริมาณแมกนีเซียมที่ควรได้รับของคุณแม่ในแต่ละช่วงอายุแตกต่างกัน มาดูกันว่าปริมาณแมกนีเซียมที่ควรได้รับระหว่างตั้งครรภ์และแม่ให้นมแต่ละช่วงอายุควรได้รับในปริมาณเท่าใด
ปริมาณแมกนีเซียม: แม่ตั้งครรภ์
- คุณแม่ตั้งครรภ์อายุไม่เกิน 18 ปี: ควรได้รับแมกนีเซียม 400 มิลลิกรัม/วัน
- คุณแม่ตั้งครรภ์อายุไม่เกิน 19-30 ปี: ควรได้รับแมกนีเซียม 350 มิลลิกรัม/วัน
- คุณแม่ตั้งครรภ์อายุไม่เกิน 31 ปีขึ้นไป: ควรได้รับแมกนีเซียม 360 มิลลิกรัม/วัน
ปริมาณแมกนีเซียม: แม่ให้นมบุตร
- คุณแม่ให้นมบุตรอายุไม่เกิน 18 ปี: ควรได้รับแมกนีเซียม 360 มิลลิกรัม/วัน
- คุณแม่ให้นมบุตรอายุไม่เกิน 19-30 ปี: ควรได้รับแมกนีเซียม 310 มิลลิกรัม/วัน
- คุณแม่ให้นมบุตรอายุไม่เกิน 31 ปีขึ้นไป: ควรได้รับแมกนีเซียม 320 มิลลิกรัม/วัน
แมกนีเซียมจำเป็นต่อทารกในครรภ์อย่างไร
แมกนีเซียมนอกจากมีความสำคัญทั้งกับคุณแม่ตั้งครรภ์และคุณแม่ให้นมบุตรแล้ว แมกนีเซียมยังสำคัญกับทารกน้อยอีกด้วย เพราะแมกนีเซียมช่วยเพิ่มน้ำหนักแรกเกิด ช่วยลดการเกิดภาวะทารกขาดอาหารหรือเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (fetal growth restriction; FGR) เสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกาย ช่วยให้ทารกนอนหลับพักผ่อนได้อย่างสบาย อีกทั้งยังช่วยลดภาวะสมองพิการในทารกได้อีกด้วย
อาการคนท้องรับแมกนีเซียมมากไป
แม้แมกนีเซียมเป็นแร่ธาตุที่จำเป็นและสำคัญในคุณแม่ตั้งครรภ์และให้นมบุตร อย่างไรก็ตามการได้รับแมกนีเซียมในปริมาณที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดผลเสียต่อกระดูกของทารกแรกเกิดเช่น ภาวะกระดูกบาง (osteopenia) หรือกระดูกมีความผิดปกติ โดยอาจไม่ปลอดภัยกับผู้ใช้ยาบางชนิดเช่น ยารักษาโรคหัวใจ ยาขับปัสสาวะ และยาปฏิชีวนะบางชนิด เป็นต้น ซึ่งการได้รับแมกนีเซียมมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่น
- คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
- ร่างกายขาดน้ำ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ความดันโลหิตต่ำผิดปกติ
- เกิดภาวะซึม
- หายใจลำบาก จนนำไปสู่การเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น
แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกายซึ่งร่างกายเราไม่สามารถสร้างแมกนีเซียมได้เองจำเป็นต้องได้รับจากการรับประทานอาหาร และอาหารเสริม แมกนีเซียมจำเป็นต่อกระบวนการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายทั้งในคนทั่วไป, ทารก, คุณแม่ตั้งครรภ์ รวมถึงคุณแม่ในระยะให้นมบุตร อย่างไรก็ตามแม้แมกนีเซียมจะมีความสำคัญต่อร่างกายควรได้รับในปริมาณที่เหมาะสมหากได้รับมากเกินไปอาจนำไปสู่การเกิดอันตรายต่อร่างกายได้