Site icon simplymommynote

ลูกเบี่ยงเบนทางเพศ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีรับมือ

ลูกเบี่ยงเบนทางเพศ เกิดจากอะไร พร้อมวิธีรับมือ

การเบี่ยงเบนทางเพศ

“การเบี่ยงเบนทางเพศ”ไม่ใช่ปัญหาใหม่ แต่เป็นปัญหาที่อยู่คู่กับชนทั้งหลายมานานนับหลายร้อยปี จริงอยู่เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่  แต่สำหรับพ่อแม่แล้ว การที่ลูกมีการเบี่ยงเบนทางเพศ หรือมีความรู้สึกนึกคิด มีพฤติกรรมที่ต่างไปจากเพศปกติของตน จนเรียกได้ว่าเป็น “เพศที่ 3” นั้น เบื้องต้นก็สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่ได้ไม่น้อยเช่นเดียวกัน แต่ก็ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันพ่อแม่เปิดกว้างและยอมรับมากขึ้น ขอให้ลูกเป็นคนดีก็พอ แต่ทั้งนี้พ่อแม่ก็ควรใส่ใจลูกด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงวัยที่กำลังเปลี่ยนผ่าน จากวัยหนึ่ง ไปสู่อีกวัยหนึ่ง ซึ่งพ่อแม่จะเห็นความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของลูกได้ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ ตามวัยของเขา นั่นเอง

การเบี่ยงเบนทางเพศ คืออะไร?

คือการแสดงออกทางความคิด นิสัยใจคอ รวมถึงพฤติกรรม ที่แตกต่างไปจากเพศปกติของตนเอง เช่น ปกติเด็กผู้ชายจะชอบเล่นต่อสู้ วิ่งแข่ง วิ่งไล่จับ ชกมวย เตะบอล ฯลฯ โดยมักจะจับกลุ่มเล่นกับเพื่อนในเพศเดียวกัน ส่วนเด็กผู้หญิงจะชอบเล่นตุ๊กตา เล่นขายข้าวขายของ เล่นแต่งหน้าทำผมเลียนแบบแม่ หรือพี่สาว แต่ในเด็กที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศจะทำตรงข้าม คือ เด็กผู้ชายจะมีพฤติกรรมคล้ายเด็กผู้หญิง ชอบเล่นหมากเก็บ เล่นขายของ เล่นตุ๊กตา ชอบแต่งหน้า ทำผม ชอบชุดกระโปรงสวยๆ เสื้อผ้าสวยๆ แบบเด็กผู้หญิง เป็นต้น

การเบี่ยงเบนทางเพศ เกิดจากอะไร?

การเบี่ยงเบนทางเพศในเด็กนั้น มีสาเหตุมาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ค่ะ

พัฒนาการทางสมองที่ผิดปกติ

ความผิดปกติของพัฒนาการทางสมองของทารก ที่ไม่ตรงกับเพศของตนเอง ซึ่งกรณีนี้จะเห็นได้ง่าย และชัดเจนเมื่อเด็กเริ่มเติบโตขึ้นตามลำดับ

การเลี้ยงดู

ยกตัวอย่างเช่น เด็กถูกเลี้ยงดูมาให้ห่างเหินจากพ่อ หรือกรณีที่พ่อไม่มีเวลาให้ลูก เด็กผู้ชายจึงขาดแบบอย่างในการเรียนรู้พฤติกรรมตามเพศของตน ประกอบกับการอยู่ใกล้ชิดกับแม่ จึงเลียนแบบพฤติกรรมของแม่เป็นแบบอย่าง หรือในทางตรงกันข้าม เด็กผู้ชายขาดความรักความอบอุ่นจากแม่ หรือแม่เป็นโรคซึมเศร้า ขาดความมั่นคงทางอารมณ์ เด็กขาดความรักความอบอุ่นจากแม่ จึงเลียนแบบพฤติกรรมของเพศหญิง เพื่อทดแทนความรู้สึกที่ตนเองขาดหายไป เป็นต้น

สิ่งแวดล้อม

รวมไปถึงสังคมรอบข้างที่เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ หรืออยู่ใกล้ชิด เช่น กลุ่มเพื่อน คนรู้จัก หรือสื่อต่างๆ เช่น จากภาพยนตร์ ละคร ดารา ฯลฯ ยกตัวอย่างเช่น เวลาที่เด็กดูละคร แล้วมีตัวละครเพศที่ 3 แสดงบทบาทที่โดดเด่น ทำให้เด็กเลียนแบบพฤติกรรมตาม เมื่อผู้ใหญ่เห็นแล้วก็รู้สึกขำ ปรบมือ หัวเราะ เด็กเลยเกิดความประทับใจ คิดว่าทำแบบนี้แล้วทุกคนจะชอบ จึงทำตาม กลายเป็นพฤติกรรมที่ติดตัวมาจนเกิดการเปลี่ยนแปลงทางนิสัย กลายเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศโดยไม่รู้ตัว เป็นต้น

ลูกมีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศ พ่อแม่ทำอย่างไร?

สิ่งที่พ่อแม่ควรทำเมื่อพบว่าลูกมีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศ ได้แก่

ไม่ดุ หรือตำหนิลูก

เรื่องนี้สำคัญมากค่ะ เพราะถ้าหากลูกมีแนวโน้มที่จะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ แล้วพ่อแม่ดุเพื่อดักคอไว้ก่อน แบบนี้จะทำให้ลูกไม่กล้าเข้ามาหา ไม่กล้าเข้ามาปรึกษา คราวนี้จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของครอบครัวห่างมากขึ้น

การปรับเปลี่ยนวิธีการเลี้ยงดู

ยกตัวอย่างเช่น การให้เด็กชายได้มีโอกาสใกล้ชิดกับพ่อมากยิ่งขึ้น ด้วยการทำกิจกรรมร่วมกับพ่อบ่อยๆ เช่น การออกกำลังกายร่วมกัน การเล่นกีฬา หรือการใช้ชีวิตในวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อให้เขาได้ซึมซับพฤติกรรมในแบบ “ลูกผู้ชาย” จากพ่อมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน สำหรับเด็กผู้หญิงที่มีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศ เพราะขาดแบบอย่างทางพฤติกรรม และความอบอุ่นจากแม่ ก็ควรให้เด็กได้มีเวลาใกล้ชิด ได้ใช้เวลาร่วมกับนกับแม่เพื่อทำกิจกรรมต่างๆ ในแบบ “ลูกผู้หญิง” ร่วมกันกับแม่ จะทำให้เด็กซึมซับพฤติกรรมอันอ่อนโยนจากแม่มากยิ่งขึ้น

หากิจกรรมทำร่วมกัน

เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศให้กับลูก ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่น้อย เช่น การเลือกกิจกรรมที่สามารถทำได้ทั้งสองเพศ เป็นต้นว่า การว่ายน้ำ การวิ่งออกกำลังกายตอนเช้า หรือกิจกรรมอื่นๆ ที่สามารถทำร่วมกันได้ทั้งครอบครัว

เป็นต้นแบบที่ดี

พ่อแม่ควรลดพฤติกรรมการเสพสื่อที่มีเพศที่ 3 เพื่อลดความสนใจจากเด็กลง และไม่ควรแสดงความชื่นชม ขำ หรือพึงพอใจจนบ่อยนัก เมื่อเด็กแสดงท่าทางเลียนแบบเพศที่ 3 ซึ่งเมื่อเด็กเห็นว่า การแสดงท่าทางเลียนแบบเพศที่ 3 ของตนไม่ได้รับความชื่นชมยินดีจากคนในครอบครัว เด็กก็จะค่อย ๆ ลดการกระทำนั้นลงในที่สุด

การพาเด็กไปพบจิตแพทย์เด็ก

ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่พ่อแม่ควรกระทำ แต่ทางที่ดีที่สุดคือ การไปพบจิตแพทย์ร่วมกันทั้งครอบครัว พ่อ แม่ และลูก เพื่อที่ทุกคนจะได้รับรู้ และแก้ปัญหาร่วมกัน นั่นเอง
เนื่องจากโดยปกติแล้ว เด็กที่มีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศมักมีพฤติกรรมสับสน วิตกกังวล เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดังนั้นพ่อแม่ไม่ควรเพิ่มความวิตกกังวล และความหวาดกลัว ให้กับเด็กยิ่งขึ้นด้วยการดุด่า ว่ากล่าว ด้วยคำพูดและการกระทำที่รุนแรง เพราะยิ่งจะทำให้ครอบครัวมีรอยร้าวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่แสดงออกถึงการกระทำที่ “รับไม่ได้” หรือ “ไม่ยอมรับ” ในความเปลี่ยนแปลงของลูก ซึ่งนั่นอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะนอกจากจะทำให้เด็กขาดที่พึ่งเมื่อเขาเกิดปัญหาแล้ว ในบางรายเด็กอาจถึงขั้นเตลิดไปไกล กลายเป็นปัญหาบานปลายจนอาจทำให้พ่อแม่เสียใจ และเป็นทุกข์ใจ มากกว่าการรับรู้ว่าลูกมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ก็เป็นได้ ดังนั้นแล้ว แม้จะเป็นเรื่องยาก และอาจทำใจไม่ได้ (สำหรับพ่อแม่บางราย) แต่พ่อแม่ทุกคน ก็ควรจะต้องทำความเข้าใจกับเด็กที่มีแนวโน้มเบี่ยงเบนทางเพศ เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่พ่อแม่ทุกคนต้องการ ก็คือการที่ได้เห็นลูกมีความสุขกับชีวิตของเขาเองมิใช่หรือ?

อ้างอิง rajanukul.go.th, phyathai.com

Exit mobile version