Site icon simplymommynote

5 วิธีสอนลูกให้คิดบวก

           “เด็กก็คือเด็ก” ใช่เลยค่ะ แต่การตีความของโน้ตจากประโยคนี้จะเป็นไปใสทิศทางที่ว่า “เด็กนั้นฝึกง่าย ปลูกฝังง่าย” ตอนนี้น้องมินอายุ 4 ขวบกว่า เพราะงั้นโน้ตเลยต้องรีบอาศัยจังหวะนี้ในการสอนเค้า ปลูกฝังสิ่งดีๆ ให้กับเค้า เท่าที่แม่คนหนึ่งจะคิดได้

           “การคิดบวก” แน่นอน พ่อแม่ทุกคนก็อยากให้ลูกคิดบวก วันนี้โน้ตขออนุญาตนำประสบการณ์ของตัวเองในการสอนลูกให้คิดบวกมาฝากค่ะ

5 วิธีสอนลูกให้คิดบวก

“ไม่ต้องน้อยใจ”

น้อยใจในเรื่องอะไรบ้าง?

 อย่างตอนนี้น้องมินอยู่อนุบาล 1 ต้องฝึกเขียนตัวอักษรและตัวเลขให้ตรงตามเส้นประ บางครั้งน้องมินเค้าเขียนตัวอักษรไทยได้ไม่ตรงแบบเพื่อน แต่ภาษาอังกฤษกับตัวเลข เค้าเขียนได้ดี เค้าก็จะมาบอกกับแม่ว่า..

น้องมิน : “หม่ะม้า…น้องมินเขียนภาษาไทยไม่ตรงเส้นเหมือนเพื่อนๆ”

หม่ะม้า : “แล้วตัวเลขกับภาษาอังกฤษ หนูทำได้ไหมลูก?”

น้องมิน : “ทำได้” (ปล. ซึ่งที่บ้านเวลาที่เค้าฝึกเขียน หม่ะม้าเห็นว่าตรงจริงนะ)

หม่ะม้า : “ไม่เป็นไรลูก หนูไม่จำเป็นต้องเก่งทุกอย่างนะคะ เพียงแต่เรื่องการเขียนนี้เราฝึกกันได้ค่ะ แต่ต้องใจเย็นๆ”

“แม่อยากให้หนูกินง่าย”

น้องมิน : “หนูเบื่อแครอท หนูเบื่อบรอกโคลี”

หม่ะม้า : “น้องมิน…เด็กบางคนรู้ว่าอยากกินอะไร แต่เค้าไม่มีโอกาสได้กิน แต่หนูมีข้าวกินทุกมื้อ ไม่อยากให้หนูกินง่าย เวลาไปไหนมาไหนจะได้ไม่ต้องอดนะลูก”

ข้อนี้อาจจะฟังดูยากซักหน่อยกว่าเด็กอายุ 3-5 ขวบจะรับได้และเข้าใจ แต่…ถ้าพ่อแม่อยากให้ลูกเป็นเด็กคิดบวก เราต้องปลูกฝังค่ะอาจต้องพูดซ้ำๆ ไปบ้างแต่มันจะได้ผลแน่นอน

“รู้จักการรอคอย”

การรอคอยเป็นอะไรที่พ่อแม่ทุกคนฝึกลูก โน้ตจะอาศัยการพูดแบบนี้ค่ะ

น้องมิน : “หนูจะเอาของเล่นอันนี้เลย” (เค้าเอื้อมหยิบไม่ถึง)

หม่ะม้า : “หม่ะม้าทำกับข้าวอยู่ หนูรอได้ไหมคะ?”

น้องมิน : (เริ่มทำหน้าบึ้ง)

หม่ะม้า : (เดินมาหาน้องมิน) “น้องมินลูก…ในบางครั้งเราไม่สามารถที่จะขอปุ๊บได้ปั๊บนะคะ ไม่มีอะไรที่ได้ดั่งใจเราทุกเรื่องนะคะ หนูรอได้ไหมลูก?”

น้องมิน : “ได้ค่ะ”

“ไม่พูดจาให้ร้ายใคร”

หม่ะม้า : “ถ้ามีคนมาพูดให้ร้ายหนูว่า หนูเป็นเด็กเกเร ทั้งๆ ที่มันไม่จริง หนูจะชอบไหมลูก?”

น้องมิน : “ไม่ชอบค่ะ”

หม่ะม้า : “ก็เหมือนกันค่ะ สิ่งไหนที่หนูไม่ชอบ หนูก็อย่างทำอย่างนั้นกับคนอื่น โอเคไหมคะ?”

“กล้าที่จะฝัน”

ความที่เป็นเด็ก เค้าจะยังไม่รู้แน่ชัดหรอกค่ะว่าเค้าอยากเป็นอะไร บางครั้งตอนอายุ 4 ขวบชอบวิชานี้ มา 6 ขวบอาจเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ได้ เพียงแต่เราคนที่เป็นพ่อแม่มีหน้าที่ส่งเสริมเค้าในสิ่งที่เค้าอยากลอง อยากทำ เพื่อให้เค้าได้ค้นพบตัวเองได้เร็วขึ้น สิ่งที่แม่โน้ตบอกกับเค้าเสมอเลยก็คือ

หม่ะม้า : “หนูอยากเป็นอะไรลูก?”

น้องมิน : “………”

หม่ะม้า : “ไม่เป็นไรลูก ตอนนี้หนูยังไม่รู้ไม่เป็นไร ค่อยๆ ดูไป เพียงแต่หม่ะม้าอยากให้หนูกล้าที่จะฝัน กล้าที่จะทำตามความฝัน อย่ากลัวความผิดหวัง เราเริ่มต้นใหม่ได้เสมอนะคะ”

1 เดือนต่อมา

น้องมินเดินมาบอกเองว่า…

น้องมิน : “หม่ะม้า…หนูอยากเป็นนักบินอวกาศ”

1 อาทิตย์ต่อมา

น้องมิน : “หนูอยากเป็นคุณหมอหัวใจ”

วันรุ่งขึ้น

น้องมิน : “หนูอยากเป็นสัตวแพทย์”

นี่แหละค่ะ “เด็กก็คือเด็ก” ไม่ว่าเค้าจะอยากเป็นอะไรคนเป็นพ่อแม่ก็พร้อมที่จะส่งเสริมทั้งนั้น

           ที่กล่าวมาทั้งหมด 5 ข้อนี้ พ่อแม่ต้องอาศัยการพูดซ้ำๆ ทำให้เค้าเห็นเป็นประจำนะคะ เด็กก็จะเลียนแบบพฤติกรรมของผู้ใหญ่หรือของคนในครอบครัว อยากเห็นลูกเป็นแบบไหน ปลูกฝังเค้าแบบนั้นนะคะ เหมือนต้นไม้ที่เราต้องรดน้ำ พรวนดิน ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ เป็นกำลังใจทุกครอบครัวนะคะ

Exit mobile version