Site icon simplymommynote

“กล้วย” สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพ ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

กล้วย สารพัดประโยชน์เพื่อสุขภาพ ที่คุณอาจไม่รู้มาก่อน

กล้วย ผลไม้พื้นบ้านของไทย หลากหลายสายพันธุ์ ที่ไม่ควรมองข้าม พบมีอยู่ทั่วไปในทุกภาค เพราะปลูกง่าย ตายยาก เจริญเติบโตได้ทุกสภาวะอากาศ ขยายพันธุ์ได้รวดเร็วด้วยหน่อกล้วย มีคุณประโยชน์ทั้งการกินเป็นอาหาร และสรรพคุณทางยา นอกจากนี้ ต้นและใบยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ได้อีกมากมาย อาทิ ใบกล้วย หรือใบตอง สามารถนำมาใช้ห่อขนม ทำกระทง ทำบายศรี ส่วนลำต้น สามารถนำมาหั่นเป็นฝอยต้มผสมกับข้าวสุก ใช้เป็นอาหารสัตว์ เช่น หมู เป็ด ไก่ เป็นต้น ส่วนแกนในของต้นกล้วย สามารถนำมาหั่นเป็นแว่น ๆ ต้มให้สุก นำไปแกงส้ม (แกงส้มหยวกกล้วย) ได้อร่อยอย่าบอกใครเชียว ดอกกล้วย หรือหัวปลี ก็สามารถนำมาทำเป็นอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น แกงเลียงหัวปลี ยำหัวปลี หัวปลีต้มสุกจิ้มน้ำพริก หรือนำมาหั่นฝอยกินดิบๆ กับขนมจีนน้ำพริก น้ำยา เป็นต้น นอกจากนี้หัวปลียังมีประโยชน์ในการเพิ่มปริมาณน้ำนมในแม่ลูกอ่อน หรือสตรีในระยะให้นมบุตรอีกด้วย

ทั้งนี้ กล้วยที่พบอยู่ทั่วไปในประเทศไทย มีหลากหลายสายพันธุ์ด้วยกัน เช่น กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยตานี กล้วยหักมุก กล้วยเล็บมือนาง กล้วยนาก และอีกนานาชนิดนับร้อยสายพันธุ์

กล้วยน้ำว้า

กล้วยน้ำว้า ถือเป็นผลไม้คุณภาพ ที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ และมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะเป็นแหล่งรวมของน้ำตาลธรรมชาติถึง 3 ชนิด คือ น้ำตาลกลูโคลส ฟรุกโตส และซุโคลสแล้ว กล้วยน้ำว้ายังอุดมไปด้วยเส้นใยอาหาร กากอาหาร กรดอะมิโน โปรตีน อาร์จินีน ฮีสติดีน แคโรทีน แคลเซียม แมกนีเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก และวิตามิน B1, B2, B6 และวิตามิน C อีกด้วย

ประโยชน์ของกล้วยน้ำว้า

  • แก้ท้องผูก ช่วยให้อิ่มท้อง
  • เหมาะสำหรับคนที่เป็นโรคโลหิตจาง โรคลักปิดลักเปิด
  • ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก และผู้ป่วยเบาหวาน
  • มีกรดอะมิโน โปรตีน ฮีสติดีน และอาร์จินีน ซึ่งสารอาหารต่างๆ เหล่านี้ มีความสำคัญ และจำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารกอย่างมาก คนโบราณจึงนิยมบดกล้วยน้ำว้าผสมข้าวสุกให้ทารกกิน นั่นเอง
  • กล้วยหอม

    กล้วยหอม นับว่าเป็นผลไม้ยอดนิยม และมีราคาแพง เนื่องจากกลิ่นที่หอมยวนใจ และรสชาติที่ไม่หวานจนเกินไปจึงทำให้คนไทยและชาวต่างชาติ นิยมบริโภคกล้วยหอมกันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยหอมประกอบไปด้วยโพแทสเซียม แมกนีเซียม วิตามิน B6 และวิตามิน B12

    ประโยชน์ของกล้วยหอม

  • ช่วยในการบำรุงสมอง และระบบประสาท
  • ช่วยลดความดันโลหิต และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง
  • ช่วยลดกลิ่นปาก
  • ช่วยลดความอยากในการสูบบุหรี่
  • ลดอาการปวดหัว ปวดท้อง ปวดประจำเดือน
  • ช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะและลำไส้ได้อีกด้วย
  • กล้วยหอมยังมีสาร Tryptophan ซึ่งเป็นกรดอะมิโน ที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นฮอร์โมน Serotonin ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ลดความเครียดได้อีกด้วย
  • กล้วยไข่

    กล้วยไข่ มีรสหวานหอม ผลเล็กกะทัดรัด แต่มากด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ทั้งยังมีเส้นใยอาหารสูง

    ประโยชน์ของกล้วยไข่

  • ช่วยในเรื่องระบบการขับถ่าย รักษาอาการท้องผูก
  • ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง
  • ช่วยสมานแผลในกระเพาะ และลำไส้
  • มีเบต้าแครอทีนสูง ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง
  • ปรับอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่
  • ป้องกันโรคโลหิตจา
  • รักษาอาการซึมเศร้า
  • บำรุงสมอง และระบบประสาท
  • ช่วยให้หลอดเลือดแข็งแรง ลดการเปราะ แตกของหลอดเลือดได้อีกด้วย
  • นอกจากนี้ การรับประทานกล้วยไข่เป็นประจำ ยังมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณเต่งตึง ชลอความชราได้อีกด้วย ส่วนเปลือกไข่ยังสามารถนำมาใช้ทาแผลปริเวณที่ถูกแมลง สัตว์กัดต่อย ได้อีกด้วย

    ประโยชน์ของกล้วยนานาชนิด

  • ลดระดับน้ำตาลในเลือด
  • ลดคอเรสเตอรอล
  • ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับระบบประสาท โรคโลหิตจาง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ
  • ช่วยในการขับถ่าย เพราะมีใยอาหารสูง ลดอาการท้องผูก ท้องเสีย
  • ควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในภาวะปกติ
  • แคลเซียมสูง ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน ช่วยให้ฟันขาว แข็งแรง และลดกลิ่นปากได้อีกด้วย
  • ป้องกันโรคซึมเศร้า ช่วยผ่อนคลายความเครียด ลดความวิตกกังวล ช่วยให้นอนหลับสบาย
  • ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รักษาโรคกระเพาะอาหาร
  • กระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหาร และลำไส้
  • รักษาอาการท้องผูก ท้องร่วง
  • ข้อควรระวังในการกินกล้วย

    แม้ว่ากล้วยนานาชนิดจะอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการ อาหารและยา ทว่า การรับประทานกล้วยก็มีข้อจำกัดด้วยเช่นกัน เนื่องจากกล้วเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรต และน้ำตาลในปริมาณค่อนข้างสูง จึงควรระบประทานอย่างระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง นอกจากนี้หากรับประทานกล้วยไข่หลังตื่นนอนใหม่ๆ จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง และอาจส่งผลทำให้หัวใจเต้นเร็วผิดปกติได้อีกด้วย ดังนั้นการรับประทานกล้วย(ทุกชนิด) สำหรับป่วย หรือผู้ผู้มีโรคประจำตัว จึงควรปรึกษาแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำก่อนรับประทาน นั่นเอง

    กล้วย เป็นผลไม้พื้นบ้านของไทยเรามาช้านาน จนปัจจุบันกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีคุณประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการบริโภคเป็นอาหาร นำมาทำเป็นยา รวมไปถึงการนำมาทำเป็นเครื่องใช้สอย (เช่น เชือกกล้วย กระทงใบตอง เป็นต้น) ทั้งนี้การบริโภคกล้วยเป็นอาหาร ถือเป็นแพล่งพลังงานสำรองชั้นเลิศ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก ควบคุมอาหาร แต่การรับประทานกล้วมากเกินไป ก็อาจเป็นโทษได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรบริโภคแต่พอดี โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ก่อนรับประทานกล้วย ควรทำการปรึกษาแพทย์เสียก่อนว่า ท่านสามารถรับประทานกล้วยได้จำนวนเท่าไรในแต่ละวัน จึงจะได้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน และไม่ก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย นั่นเอง

    อ้างอิง medthai.com, pobpad.com, baanlaesuan.com

    Exit mobile version