7 วิธีจัดบ้าน เมื่อลูกเรียนออนไลน์
เมื่อบ้านต้องกลายเป็นสถานศึกษาให้กับลูก บรรยากาศที่ดีในการเรียนจึงเป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้ความแรงของสัญญาณอินเตอร์เน็ต และพ่อแม่รู้ไหมคะว่าวิธีจัดบ้านให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้สำหรับ “การเรียนออนไลน์”นั้นสามารถแก้ไขพฤติกรรมของลูกในระยะยาวได้อีกด้วย กิฟท์จึงมีไอเดีย ”การจัดบ้าน” มาฝากเพื่อให้พ่อแม่ได้ลองนำไปปรับใช้ ถึงแม้เนื้อที่ในบ้านจะไม่กว้างขวางเหมือนกับโรงเรียน แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ และงบประมาณที่มีอย่างจำกัด พ่อแม่ก็สามารถสร้างพื้นที่การเรียนรู้ที่เหมาะสมและสามารถกระตุ้นการเรียนรู้ให้ลูกได้ค่ะ
ทำไมต้องจัดบ้าน เมื่อลูกเรียนออนไลน์
เมื่อลูกต้องเรียนออนไลน์ที่บ้าน การจัดพื้นที่เพื่อการเรียนรู้จึงกลายเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะสำหรับเด็กเล็กที่ยังขาดทักษะการควบคุมตัวเอง การให้นั่งเรียนบนโซฟาตัวเก่งของครอบครัวคงไม่ส่งผลดีต่อการเรียนรู้อย่างแน่นอน เพราะมีสิ่งดึงดูดความสนใจมากเกินไป ไม่ว่าจะเป็นความนุ่มของโซฟา ทีวีที่ตั้งอยู่ข้างหน้า หรือแสงที่ไม่เพียงพอ ดังนั้นพ่อแม่จึงต้องมีวิธีจัดบ้าน เพื่อตัดสิ่งเร้า เพิ่มบรรยากาศที่ช่วยพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ เพิ่มสมาธิ และเพิ่มแรงจูงใจในการเรียนรู้ บรรยากาศการเรียนรู้ที่บ้านสามารถส่งผลต่อเด็ก ๆ ดังนี้
การเรียนรู้เกิดได้ในทุกที่
แบบอย่างที่ดีจากสภาพแวดล้อมรอบตัว ทำให้เด็กเข้าใจว่าการเรียนรู้ และการสำรวจโลกสามารถทำได้ทุกที่ ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ที่ห้องเรียนเท่านั้น
รับรู้ว่าการศึกษามีความสำคัญ
เด็กสามารถมองเห็นว่าการศึกษาหาความรู้ เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรกของบ้าน และสามารถกำหนดกิจวัตรประจำวันของตัวเองที่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่สนใจได้
วางแผนจัดบ้าน เมื่อลูกเรียนออนไลน์
ไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะที่พ่อแม่จะจัดบ้านให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้ให้กับลูก โดยวิธีจัดบ้านนั้นเราสามารถวางแผน และออกแบบจากการเตรียมข้อมูลเบื้องต้นได้ ดังนี้
- สำรวจว่าลูกเป็นคนกระตือรือร้นหรือไม่? ชอบนั่งเป็นเวลานานหรือเปล่า?
- ลูกชอบพื้นที่เงียบสงบหรือชอบการมีส่วนร่วมกับเสียงกับดนตรีมากกว่า?
- ลูกชอบสีอะไร มีอะไรบ้างที่สามารถดึงดูดความสนใจ และน่าตื่นเต้น เช่น ฮีโร่ การ์ตูนตัวโปรด หรือสัตว์ที่ชื่นชอบ?
- ลูกต้องมีอุปกรณ์เสริมอะไรบ้าง เช่น แทปเลต อินเตอร์เน็ต หูฟัง หรือต้องมีตัวช่วยในการเรียนรู้อะไรบ้าง?
- ลูกชื่นชอบการเรียนรู้ในบรรยากาศที่เงียบสงบ หรือต้องมีคนอยู่ด้วย?
- ลูกชอบห้องที่มีความเป็นส่วนตัว หรือชอบพื้นที่แบบเปิดโล่ง?
7 วิธีจัดบ้าน เมื่อลูกเรียนออนไลน์
จากข้อมูลเบื้องต้นในเรื่องการวางแผนจัดบ้าน คิดวาพ่อแม่คงพอมีแนวทางในการจัดขึ้นมาบ้างแล้วใช่ไหมคะ คราวนี้ เราจะมาลงลึกในรายละเอียดกัน ดังนี้ค่ะ
1.ขนาดของพื้นที่ไม่สำคัญเท่าความสม่ำเสมอ
บางครอบครัวมีพื้นที่ในบ้านมาก พ่อแม่แยกห้องนอนกับลูก ในขณะที่บางครอบครัวมีพื้นที่อย่างจำกัด ซึ่งความจริงแล้ว “ขนาดของพื้นที่” ไม่สำคัญเท่ากับการสร้างกิจวัตรที่สม่ำเสมอให้ลูก โดยพ่อแม่สามารถหาโต๊ะเก้าอี้ที่พับเก็บ และกางออกมาเมื่อมีการเรียน หรือสามารถหากล่องสำหรับใส่อุปกรณ์ที่จำเป็นในการเรียน แล้วถือไปนั่งโต๊ะทานข้าวในห้องครัวในแต่ละวันก็ยังได้ค่ะ ซึ่งกุญแจสำคัญ อยู่ที่การแสดงให้ลูกเห็นว่าพ่อแม่ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้มากพอที่จะจัดสถานที่ในบ้านให้ลูกอย่างสม่ำเสมอในทุกวันค่ะ
2. น้อยแต่มาก (Less is more)
พ่อแม่ต้องพยายามจัดโต๊ะเรียนให้มีสิ่งของบนโต๊ะให้น้อยที่สุด และเป็นระเบียบ ควรมีเฉพาะสิ่งของที่จำเป็นในการเรียนวิชานั้นๆ เท่านั้น เพราะหากมีสิ่งของที่มากเกินความจำเป็นอาจไปเบี่ยงเบนความสนใจในการเรียนรู้ของลูกได้ เช่น ของเล่น และสิ่งอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเรียนออนไลน์ เป็นต้น โดยอาจจะเก็บไว้ในลิ้นชักใต้โต๊ะ หรือชั้นวางของก่อน เมื่อจำเป็นต้องใช้จึงค่อยหยิบออกมาวางบนโต๊ะ วิธีการนี้สามารถช่วยให้ลูกเรียนอย่างสงบและมีสมาธิมากขึ้นค่ะ
3. กระตุ้นการเรียนรู้ผ่านทางสายตา
เป็นเรื่องง่ายมากที่สมองของคนเราจะสนุก และกระตือรือร้นมากขึ้นด้วยการถูกกระตุ้นทางสายตา ดังนั้นเมื่อพ่อแม่จัดพื้นที่การเรียนรู้ให้ลูก จึงสามารถตกแต่งสถานที่ด้วย รูปถ่ายครอบครัว โปสเตอร์ แผนที่โลกที่กระตุ้นการเรียนรู้หรืออะไรก็ตามที่ลูกสนใจ สิ่งเหล่านี้สามารถสร้างแรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ และดึงดูดความสนใจให้เกิดขึ้นกับลูกได้ในขณะทำกิจกรรมการเรียน แต่ต้องแน่ใจด้วยว่ามันจะไม่มากไปจนรบกวนสมาธิของลูกเช่นกัน
4. แสงธรรมชาติส่งผลต่อระดับความสำเร็จ
ผู้เชี่ยวชาญด้านสถาปัตยกรรมได้กล่าวว่า ระดับของแสงธรรมชาติสามารถส่งผลต่อความสามารถในการเรียนรู้ของนักเรียนทำให้รู้สึกง่วงหรือกระตุ้นการเรียนรู้ก็ได้ เพราะแสงนอกจากจะทำให้บรรยากาศห้องดูปลอดโปร่ง ไม่อุดอู้ ยังช่วยถนอมสายตาที่ต้องทำงานหนักกับการเพ่งจอได้อีกด้วย ดังนั้น สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องคำนึงถึงก่อนจัดบ้าน คือ มุมของห้องที่แสงธรรมชาติส่องถึงอย่างพอเหมาะ ไม่ทึบและไม่โดนแสงแดดโดยตรง เช่น ด้านข้างหน้าต่างหรือหันหลังให้หน้าต่าง หากไม่สามารถจัดพื้นที่การเรียนรู้ใกล้หน้าต่าง หรือไม่มีหน้าต่างได้ พ่อแม่สามารถใช้กระจกติดบริเวณฝั่งตรงข้ามหน้าต่างเพื่อเป็นตัวช่วยสะท้อนแสงธรรมชาติให้เข้ามาในบ้านได้ค่ะ
5. ความเป็นส่วนตัวจากสิ่งเร้าอื่นๆ
บรรยากาศของสถานที่ที่สงบ ปราศจากสิ่งรบกวน เช่น เสียงรบกวนของคนในครอบครัว สัตว์เลี้ยง หรือโทรทัศน์ จะช่วยให้ลูกมีสมาธิกับการเรียนออนไลน์ได้ดีกว่า ถ้าที่บ้านมีพื้นที่เพียงพอควรจัดพื้นที่การเรียนรู้ในมุมสงบหรือแยกห้อง แต่แนะนำให้ห่างจากที่นอนจะดีกว่า เพราะภาพเตียงนอน และเครื่องนอนนุ่ม ๆ เป็นสิ่งรบกวนสมาธิ ชวนง่วงได้เสมอ ส่วนบ้านไหนมีเนื้อที่จำกัด ต้องพูดคุยกับสมาชิกคนอื่น ๆ ในครอบครัวให้เข้าใจว่าเวลาไหนที่ลูกต้องการความสงบค่ะ
6. จัดเก้าอี้และท่านั่งให้เหมาะสม
พ่อแม่ต้องใส่ใจกับโต๊ะ เก้าอี้ และท่าทางการนั่งของลูกด้วยนะคำ เพราะลูกใช้เวลานั่งบนเก้าอี้เป็นเวลานานในการเรียนแต่ละวัน ดังนั้นเก้าอี้ควรมีพนักพิงรองรับกระดูกสันหลังโดยไม่ทำให้เกิดอาการปวดหลังหรือขัดขวางการเจริญเติบโตของลูก ปรับระดับความสูงให้ต้นขาขนานพื้น และเท้าติดพื้น ส่วนที่รองแขนปรับให้อยู่ระดับขอบโต๊ะ โดยหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรตั้งห่างประมาณ 1 ช่วงแขน และไม่ควรใช้โต๊ะเตี้ยนั่งทำงานบนพื้น เพราะการนั่งขัดสมาธินาน ๆ จะทำให้ปวดเข่า และตาตุ่มได้ค่ะ
7. หนังสือคือครูที่ดีที่สุด
ถึงแม้การเรียนรู้ยุคนี้จะสามารถค้นคว้าหาความรู้จากแหล่งข้อมูลดิจิทัลได้อย่างง่ายดาย แต่การมีหนังสือที่น่าสนใจไว้ใกล้มือ ให้ลูกได้มองเห็นและเลือกหยิบพลิกอ่านจะเป็นการปลูกฝังนิสัยช่างค้นคว้าและรักการอ่านให้ติดตัวไปจนโต เพราะการอ่านหนังสือที่เป็นรูปเล่มนั้นลูกจะได้ใช้ผัสสะและการเคลื่อนไหวมากกว่าการอ่านข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์หรือบนจอโทรศัพท์ หนังสือที่ต้องพลิกอ่านทีละหน้ามีส่วนช่วยให้สมองจัดเรียงข้อมูลได้อย่างเป็นระบบระเบียบมากกว่าการอ่านข้อความที่ยาวต่อกันเป็นพืด และการจะค้นคว้าข้อมูลจากหนังสือแต่ละเล่มนั้นต้องอาศัยความมุ่งมั่นและสมาธิอย่างมาก ด้วยเหตุผลเหล่านี้หนังสือจึงสามารถช่วยพัฒนาทักษะที่ใช้ในการเรียนรู้ของลูกได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น พ่อแม่จึงควรลงทุนซื้อหนังสือเพิ่มให้กับลูกอย่างสม่ำเสมอ และจัดวางหนังสือบนชั้นให้น่าสนใจ โชว์ภาพปกบางปก เพราะจะช่วยกระตุ้นและดึงดูดความสนใจของลูกให้เลือกหยิบหนังสือมาอ่านได้มากขึ้น แต่มีข้อพึงระวังสำหรับการจัดวางหนังสือในพื้นที่การเรียนรู้ก็คือ ควรแยกหนังสือหมวดบันเทิงออกไปไว้ในมุมอื่น ไม่นำมาปะปนกับหนังสือหมวดวิชาการ เพื่อลดการเบี่ยงเบนความสนใจจากความรู้ออกไปสู่สิ่งเร้าที่สนุกสนานและผ่อนคลายกว่า
ในฐานะผู้ปกครอง พ่อแม่ทุกคนยินดีที่จะผลักดันให้ลูกสนใจในการศึกษาหาความรู้ และช่วยเหลือให้ลูกประสบความสำเร็จในสิ่งที่สนใจอยู่แล้ว แต่จะดีกว่าไหมถ้าความสำเร็จนั้นเริ่มได้ที่บ้านด้วยการจัดบ้านให้เป็นพื้นที่การเรียนรู้และการเรียนออนไลน์ให้สอดคล้องกัน เพียงเท่านี้ก็สามารถช่วยปลูกฝังลูกให้รักการเรียนรู้ได้แล้วค่ะ ซึ่งสิ่งนี้จะติดตัวลูกไปตลอดชีวิต