• HOME
  • BLOG
  • วัย 3-6 ปี
  • ลูกติดมือถือมาก ทำไงดี และวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

ลูกติดมือถือมาก ทำไงดี และวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์

ลูกติดมือถือมาก ทำไงดี และวิธีแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์
วัย 3-6 ปี

ลูกติดมือถือเป็นเรื่องกังวลใจของพ่อแม่ ผู้ปกครองหลายบ้านเพราะบางบ้านลูกติดมือถือมากเกินไปจนส่งผลเสียหลายอย่างทั้งด้านอารมณ์ ร่างกาย และสภาพจิตใจของเด็ก ปัจจุบันด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารต่างๆ มีความทันสมัยมากขึ้นทำให้เราเข้าถึงสื่อ ความบันเทิง ข่าวสารได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย จากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆอาทิ มือถือ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ เป็นต้น

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าทันสมัยนี้เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เด็กๆ ติดมือถือมากถึงร้อยละ 10-15%  ดังนั้นหากคุณพ่อคุณแม่ไม่ควบคุมการเข้าถึงสื่ออนไลน์กับลูกๆ อาจทำให้ลูกติดมือถึงจนเกิดปัญหาต่างๆ ตามมา อย่างไรก็ตามอาการติดมือถือไม่เกิดเพียงในช่วงวัยเด็กเท่านั้นแต่ยังเกิดขึ้นมากในวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่อีกด้วย

สารบัญ

สาเหตุที่ลูกติดมือถือ

ลูกติดมือถือเกิดขึ้นด้าจากหลายหลายปัจจัยร่วมกันที่อาจทำให้เด็กใช้เวลาจดจ่อกับหน้าจอมากกว่าการใช้ชีวิตกับโลกของความเป็นจริงและสิ่งแวดล้อมรอบตัวมาดูกันค่ะว่าสาเหตุที่ทำให้เด็กติดมือถือเกิดจากอะไรบ้าง

พ่อแม่ขาดความใส่ใจ

หรือเกิดจากการที่พ่อแม่ ผู้ปกครองไม่มีเวลาหรือใช้เวลากับลูกรวมถึงให้ความอบอุ่นกับเด็กๆ อาจเนื่องด้วยภาระหน้าที่ ความเหนื่อยล้า ทำให้ไม่มีกิจกรรมที่ใช้เวลาคุณภาพร่วมกัน หรือการตัดความรำคาญโดยการโยนมือถือให้ลูกเล่นสนุกจากหน้าจอแทน

ความห่างเหินและสังคมก้มหน้า

ความห่างเหินหรือการขาดปฏิสัมพันธ์กันระหว่างคนในครอบครัวเช่น พ่อแม่อยู่มุมหนึ่ง ลูกอยู่อีกมุมต่างฝ่ายต่างจดจ่อกับสิ่งที่ตนสนใจจนทำให้เกิดความห่างเหินกันในครอบครัว

ลูกเล่นมือถือตั้งแต่เด็ก

การปล่อยให้ลูกใช้สื่อหรือติดมือถือตั้งแต่เด็กโดยไม่มีการควบคุม จำกัดเวลาเล่นนั่นเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เด็กติดมือถือ

ลูกติดเกม

เป็นสาเหตุสำคัญที่ให้เด็กติดมือถือเนื่องจากการเล่นนานจนเกินไปจนทำให้ติดจนหยุดเล่นไม่ได้ หรือต้องการความชนะจากเกมทำให้เด็กๆสนใจหน้าจอมือถือมากกว่าสิ่งรอบข้าง

อาการที่บอกว่าลูกติดมือถือ

ลูกเราเสี่ยงเป็นเด็กติดมือถือหรือไม่ มาเช็คอาการหรือสัญาณเตือนว่าหากลูกมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้อาจกำลังเตือนว่าลูกติดมือถือมากจนเกินไป สังเกตุพฤติกรรมของลูกเพื่อหาวิธีรับมือที่เหมาะสมต่อไป

จับมือถือตลอดเวลา

ใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมือถือมากกว่าสนใจทำกิจกรรมอื่น ไม่ว่าจะเป็นตอนกินข้าว ทำการบ้าน ก่อนนอน เป็นต้น

โลกส่วนตัวสูง

ชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว มักใช้เวลาอยู่เงียบๆเพื่อเล่นมือถือ เล่นเกมคนเดียว หรือเก็บตัวคนเดียวเป็นเวลานานโดยไม่สนใจใคร

สมาธิสั้น

เด็ก ๆ จะสมาธิสั้น วอกแวก ไม่สามารถจดจ่อทำกิจกรรมอื่นได้นานอยู่ไม่นิ่งเวลาที่ไม่ได้จับมือถือ

สื่อสารกับครอบครัวลดลง

รวมถึงคนใกล้ตัว มีปฏิสัมพันธ์ พูดน้อย ไม่ค่อยคุยหรือสนใจกับสิ่งรอบข้าง และซ้ำร้ายกว่านั้นคือ ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัยมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ละเลยหน้าที่

ขาดความรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ตนพึงปฏิบัติเช่นการขาดเรียน โดดเรียน ไม่ช่วยทำงานบ้าน เป็นต้นไม่สนใจหรือเลิกทำกิจจกรรมที่เคยชอบ เมื่อความสนใจเปลี่ยนไปอยู่บนหน้าจอมือถือทำให้เด็ก อาจใช้เวลากับกิจกรรมที่เคยชอบน้อยลง

คุมเวลาเล่นมือถือของตัวเองไม่ได้

ไม่สามารถความควบให้ตัวเองหยุดเล่นหรือเล่นเป็นช่วงเวลาได้ทำใก้จับมือถือหลายชั่วโมงติดต่อกัน

มีพฤติกรรมก้าวร้าว

สาเหตุอาจมาจากการเสพความรุนแรงจากสื่อบนโลกออนไลน์เช่น เกม หนัง ซีรีย์ การ์ตูน เป็นต้น

มีอาการง่วงซึม

รวมถึงอ่อนเพลีย เนื่องจากการพักผ่อนไม่เพียงพอและได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ในปริมาณน้อย

ผลกระทบจากการติดมือถือ

ผลเสียจากการให้ลูกติดมือถือหรือหน้าจอ มีดังนี้

หงุดหงิดง่าย

มักควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เด็กที่ติดมือถือ คอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ตมักจะควบคุมตัวเองไม่อยู่เมื่อมีอารมณ์ โมโห หงุดหงิดง่าย ทำให้เขาแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวไม่น่ารักออกมา

พัฒนาการช้า

การตอบสนองเช่นการพูดคุย สื่อสาร คิดคำนวณ วิเคราะห์ ความจำมักช้ากว่าเด็กๆ ในรุ่นเดียวกัน สมองเล็กลงพัฒนาการของเชาว์ปัญญาไม่ดี

มีปัญหาเกี่ยวกับสายตาก่อนวัย

เมื่อมีการจดจ่อหรือจ้องหน้าจอเป็นเวลานานต่อเนื่องหลายชั่วโมง แสงสีฟ้าจากหน้าจอสามารถทำให้เกิดผลเสียกับดวงตาได้เช่น เกิดอาการตาแห้ง ตาล้า สายตาสั้น เป็นต้น

ขาดสมาธิ

ไม่สามารถจดจ่อหรืออยู่นิ่งได้นานกับกิจกรรมที่ต้องอาศัยสมาธิได้นาน เกิดอาการวอกแวกอยู่ตลอดเวลา

เข้าสังคมได้ยาก

เนื่องจากเด็กๆ วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่ที่อาการติดมือถือ แท็บเล็ต มักใช้เวลาให้ความสนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าการเข้าสังคมหรือมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เข้าสังคมปกติได้ยาก

วิธีแก้ปัญหาลูกติดมือถือ

ถึงแม้ว่าลูกน้อยจะติดมือถือหรือหน้าจอแล้ว แต่หากคุณพ่อคุณแม่ตั้งใจอยากให้ลูกน้อยถอยห่างออกจากหน้าจอ ก็ยังพอมีวิธีการ ดังนี้

กำหนดเวลาเล่นมือถือให้ชัดเจน

พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดูแลจำกัดเวลาในการใช้งานให้เหมาะสมตามวัย ไม่ปล่อยให้เด็กๆใช้เวลาต่อเนื่องหลายชั่วโมงกับมือถือหรือแท็บเล็ต และต้องเล่นภายในเวลาที่กำหนดเท่านั้น

สร้างกิจกรรมทดแทน

หากิจกรรมใช้เวลาร่วมกับลูกให้มากขึ้นเช่นชวนเขาออกกำลังกาย ออกไปเที่ยว ทำอาหาร เล่นกีฬา หรือกิจกรรมอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเล่นมือถือ ให้เขาได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ เช่น เล่นกีฬา ร้องเพลง อ่านหนังสือ ไปเที่ยว ฝึกทำอาหาร เรียนภาษา เต้น และงานศิลปะอื่น ๆ เป็นต้น

สานความสัมพันธ์

สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูก ไม่พูดจารุนแรง ตำหนิหรือใช้ถ้อยคำรุนแรง  เน้นคำพูดเชิงบวกและหากิจกรรมทำร่วมกัน และให้คำชมเมื่อลูกทำสิ่งดีๆ เพื่อสร้างความรู้สึกภูมิใจให้เด็กๆ

เลือกประเภทเกมที่เหมาะสม

พ่อแม่ผู้ปกครองควรมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกเกมที่เหมาะสมตามช่วงวัยให้ลูกๆ ไม่ปล่อยให้เด็กอยู่กับหน้าจอตามลำพัง

พ่อแม่เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูก

ไม่เล่นมือถือหรือติดหน้าจอมากเกินไปเมื่อใช้เวลากับลูก ควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกเห็น

ไม่เก็บมือถือไว้ในห้องนอน

เพื่อป้องกันเด็กๆแอบเล่นมือถือก่อนนอน และให้เขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เมื่อถึงเวลาต้องพักผ่อน

สรุป

อาการลูกติดมือถือหนักอาจต้องใช้เวลาในการรักษาระยะยาวและมีโอกาสกลับมาติดมือถือได้อีก ดังนั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกติดมือถือ, แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์มากจนเกินไป คุณพ่อคุณแม่อาจต้องดูแลใส่ใจและจำกัดเวลาหรือหากิจจกรมเสริมสร้างทักษะ พัฒนาการด้านต่าง ๆ และความสนุกให้เด็กๆ ได้ทำเพื่อลดเวลาจดจ่อกับหน้าจอมือถือ ที่สำคัญ คือ ควรทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่หักดิบลูก

ยิ่งปัจจุบันการเข้าถึงสื่อที่ง่ายดายและรวดเร็วอาจไม่เพียงแต่เด็กเท่านั้นที่มีอาการติดมือถือแต่ยังพบว่าวัยรุ่น วัยทำงาน ผู้ใหญ่มีอาการติดมือถือเช่นเดียวกัน เพื่อสุขภาพที่ดีและลดปัญหาอื่นๆ ที่อาจตามมาควรใช้เวลากับหน้าจอมือถือให้เหมาะสม


Crazy Secret

70,087 views

นักเขียนหลากหลายแนวหลงไหลงานเขียน ไลฟ์สไตล์ ซีรีย์ รีวิว สัตว์เลี้ยง สุขภาพ ความงาม "Writer enjoy and hope will be reader happy" FB: The write เขียน ไป เรื่อย

Profile

Pickup posts

Related posts

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

Privacy Preferences

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

Allow All
Manage Consent Preferences
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    Always Active

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้

Save