โน้ตเชื่อนะคะว่าคงไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนที่ไม่รักลูก แต่ด้วยความที่เลี้ยงดูเขา อยู่กับเขาทุกวันจนบางครั้ง “ความเคยชิน” จนบางครั้งเราก็หลงลืมและละเลยในสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ (แต่มีความสำคัญ) ไป วันนี้เรามานั่งทบทวนกันดูดีกว่าค่ะว่าเราเผลอทำนิสัยที่ไม่น่ารักจนทำให้ลูกไม่ปลื้มไปบ้างหรือเปล่า
8 นิสัยไม่น่ารักของพ่อแม่
ทำงานจนไม่มีเวลา หรือลืมแบ่งเวลาให้ลูก
จริงอยู่ การมีลูกต้องใช้เงินเยอะ การทำงานเป็นทางเดียวที่จะได้มาซึ่ง “เงิน” แต่การทุ่มเทเวลาให้กับงานมากเกินไป จนละเลยที่จะแบ่งเวลาให้ลูกและครอบครัว แต่การจะได้มาซึ่งครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกที่น่ารัก เป็นเด็กดีนั้นต้องอาศัย “ความรัก การใส่ใจ การให้เวลากับลูก” ไม่ได้บอกว่าห้ามทำงาน ทำได้ค่ะ เพียงแต่ควรจัดสรรเวลาให้เหมาะสมเท่านั้น
คิดและตัดสินใจแทนลูกทุกเรื่อง
คนเป็นพ่อเป็นแม่ เวลาที่เห็นลูกสุข เราสุขกว่า เห็นลูกทุกข์ เราทุกข์กว่า ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่บางท่านจึงเลือกที่จะตัดสินใจแทนลูกทุกเรื่อง จนบางครั้งทำให้ลูกรู้สึกว่าเขาไม่มีสิทธิในการใช้ชีวิตของเขาเอง หากคุณพ่อคุณแม่ทำแบบนี้ในทุก ๆ ครั้งที่ต้องมีการตัดสินใจ คุณพ่อคุณแม่ก็จะไม่ต่างอะไรกับ “พ่อแม่รังแกฉัน” เพราะลูกจะไม่มีพัฒนาการในเรื่องการคิด วิเคราะห์ การเชื่อมโยงข้อมูล การขาดความมั่นใจในตัวเองเมื่อโตขึ้น ไม่กล้าตัดสินใจ และไม่กล้าแสดงออกค่ะ
เอาความฝันตัวเองยัดเยียดให้ลูก
เมื่อตอนที่คุณพ่อคุณแม่ยังเด็กเคยฝันว่าอยากเป็นอาชีพนั้น อยากทำอาชีพนี้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ อาจเพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง พอมีลูกก็อยากเห็นลูกของตัวเองได้ทำในสิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เคยฝันไว้ ซึ่ง…ไม่เคยถามลูกสักคำว่า “หนูอยากทำอาชีพอะไร?”
คาดหวังในตัวลูกมากไป
ต้องบอกว่าบางครอบครัวแอบคาดหวังในตัวลูกมากจนบางครั้ง มากเสียจนไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเราได้กดดันอะไรลูกไปบ้าง ไม่ใช่แค่กดดันลูกนะคะ แต่กลายเป็นกดดันตัวเองด้วย พอลูกทำไม่ได้อย่างที่เราหวัง คุณพ่อคุณแม่บางคนก็ดุด่า ลงโทษเสียยกใหญ่ สุดท้ายแล้วต้องมาเครียดและเสียใจกันทุกฝ่าย
ไม่ได้รับฟังความต้องการของลูกจริง ๆ
อย่างที่โน้ตบอกค่ะว่า เพราะ “ความเคยชิน” ความที่เราได้ยินเสียงลูกพูดอยู่ทุกวัน จึงทำให้เราไม่ได้ตั้งใจฟังในสิ่งที่ลูกอยากถ่ายทอดให้เราฟังอย่างจริงจัง ไม่ได้เปิดใจ หรือทำความเข้าใจในความคิดของลูกเลย แต่ลูกรับรู้ได้นะคะว่าเราตั้งใจฟังเขาหรือไม่ฟังเขาแค่ไหน?
ปกป้องลูกมากไป
ข้อนี้เพราะ “ความกลัว” ของคุณพ่อคุณแม่ กลัวว่าลูกจะเสียใจ จะผิดหวัง จะเจ็บปวด ไม่อยากเห็นลูกร้องไห้ จึงออกมาปกป้องลูกในทุกเรื่อง แล้วปกป้องลูกได้ไหม? ได้ค่ะ เพียงแต่ต้องมีขอบเขต ไม่อย่างนั้นลูกจะไม่ได้มีโอกาสได้เรียนรู้อะไร ลูกจะไม่ได้ฝึกคิดในเรื่องการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ
ไม่ได้เป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกเห็น
บางครอบครัวสอนลูกจริงค่ะ แต่การสอนมาจาก “การพูดอย่างเดียว” ไม่เคยแม้กระทั่งจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้ลูก
“การเป็นต้นแบบที่ดีให้ลูกในความหมายของโน้ตคือ ไม่ใช่แค่ทำเฉพาะตอนที่ลูกอยู่ แต่คุณพ่อคุณแม่ควรทำให้เป็นนิสัย ถึงแม้ว่า ณ เวลานั้นลูกจะไม่ได้เห็นเราทำก็ตาม”
ทำทุกอย่างให้ลูก
คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็พยายามจะฝึกให้ลูกทำอะไรด้วยตัวเองแหละค่ะ แต่พอหันไปเจอหน้า เจอทีท่าของลูก บวกกับสายตาที่อ้อนวอนของลูกก็ใจอ่อน แต่ก็มีอีกบางครอบครัวที่ทำทุกอย่างให้ลูกจริง ๆ โดยอาจไม่ทันได้ฉุกคิดว่าสิ่งนี้จะทำให้ลูกไม่ได้มีพัฒนาการด้านการคิด วิเคราะห์
จากทั้งหมดที่กล่าวมา โน้ตขอใช้คำว่า “เผลอ” สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่มีนิสัยทั้ง 8 ข้อตามที่กล่าวมาแล้วกันนะคะ เพราะโน้ตเชื่อค่ะว่าคงไม่มีคุณพ่อคุณแม่คนไหนหรอกที่อยากเป็นพ่อแม่รังแกฉัน เพียงแต่ว่าเราต้อง “ตั้งสติ” ก่อนที่จะสตาร์ท ก่อนที่จะทำอะไรให้ลูก หรือจะสอนอะไรลูก แบบนี้ก็น่าจะช่วยเกลาความเผลอออกได้บ้าง