การเลิกนมมื้อดึกมักสัมพันธ์กับการนอนหลับยาวตลอดคืนของลูกค่ะ คุณแม่บางคนหรือส่วนใหญ่มักตีความการตื่นนอนกลางดึกของลูกว่าเพราะความหิว จึงมักป้อนนมลูกทุกครั้งที่ลูกร้องไห้เรียกหา หรือรู้สึกตัวตื่น แต่ในความเป็นจริงแล้วลูกอาจจะแค่ต้องการเรียกหาแม่ รู้สึกเปียกชื้น หรือแค่ไม่รู้วิธีในการหลับต่อด้วยตัวเอง (สามารถอ่านบทความ ฝึกลูกนอนยาว ทำเมื่อไหร่ดี มีวิธีไหนบ้าง) จึงเรียกหาตัวช่วยให้พ่อแม่เข้ามาอุ้ม ขอจุกหลอก หรือเดินโยกเพื่อให้หลับต่อก็เท่านั้น จึงกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แม่ยื่นตัวช่วย คือขวดนมหรือเต้าแม่ เพิ่มเข้าไปในเงื่อนไขการนอนหลับของลูก หรือคุณแม่บางคนต้องทำงานช่วงกลางวัน แต่อยากเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ต้องอาศัยช่วงเวลากลางคืนให้ลูกช่วยกระตุ้นน้ำนม เพื่อจะได้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้ตามเป้าหมายที่กำหนด แล้วเราควรจะเลิกมื้อดึกลูกหรือไม่ ควรทำเมื่อไหร่ และทำอย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากค่ะ
ข้อดีสำหรับการเลิกมื้อดึก
การฝึกลูกให้เลิกนมมื้อดึก มีข้อดีหลาย ๆ ข้อ ดังนี้
Growth Hormoneทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
การที่เด็กหลับได้ยาว Growth Hormone จะถูกสร้างออกมาเพื่อซ่อมแซมร่างกาย และทำให้ร่างกายเจริญเติบโตได้ดี แต่สำหรับคุณแม่ที่ต้องอาศัยลูกดูดกระตุ้นนมแม่ตอนกลางคืนก็ไม่ต้องกังวลไปนะคะ งานวิจัยพบว่า กลุ่มเด็กที่ตื่นมากินนมแม่ตอนกลางคืนไม่ได้มีปัญหาฟันผุ หรือขาด Growth Hormone มากกว่าเด็กที่ไม่ได้ตื่นกินนมแม่ หรือคุณแม่อาจจะเปลี่ยนเป็นการตั้งนาฬิกาปลุกลุกขึ้นมาปั้มนมแทนที่จะปลุกลูกมาดูดเต้าก็ได้ค่ะ
ลดความเสี่ยงโรคอ้วน
ลูกอาจรับนมมากเกินไป ส่งผลให้เกิดโรคอ้วนได้ และเมื่อลูกโตขึ้นจะยิ่งส่งผลต่อน้ำหนักตัว ซึ่งนอกจากจะมีผลเสียทางด้านร่างกายแล้ว ยังจะส่งผลต่อจิตใจลูกอีกด้วย
ลดความเสี่ยงการเกิดฟันผุ
การเลิกมื้อดึกส่งผลดีระยะยาวสำหรับเด็กที่กินนมขวด ตอนอายุ 1 ปี และส่งผลดีต่อสุขภาพในช่องปากของลูก เพราะเด็กบางคนชอบคาบขวดนมจนหลับไป
ลดปัญหาการกินยาก
เด็กบางคนกินนมมื้อดึกเยอะ พอตื่นนอนตอนเช้าทำให้รู้สึกอิ่ม จึงไม่ค่อยรู้สึกอยากกินอาหารในช่วงกลางวัน หรือนมแม่ที่พุ่งแรงในช่วงกลางวันทำให้ลูกไม่กล้าดูดจริงจัง เลยเปลี่ยนมากินนมแม่ท่านอนในตอนกลางคืนแทน เพราะสามารถลดการพุ่งแรงของน้ำนมได้ ลูกก็จะได้ปรับตัว และคุณแม่เองก็ควรจะสังเกตปัญหาการกินนมของลูกด้วย
(ติดตามเพิ่มเติม >> ลูกกินยาก กับเทคนิคหยุดลูกไม่ให้กินไปเล่นไป)
คุณพ่อคุณแม่ได้พักผ่อน
นอกจากลูกจะได้ประโยชน์ดังกล่าวแล้ว คุณพ่อคุณแม่ก็จะได้พักผ่อนบ้าง โดยเฉพาะหากคุณแม่ต้องเลี้ยงลูกเองตลอดทั้งวัน หากพักผ่อนไม่เพียงพออาจส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ สุขภาพ ความเครียด และอาจเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าได้ค่ะ
ให้ลูกเลิกนมมื้อดึกเมื่อไหร่ดี
เด็กที่ต่ำกว่า 6 เดือน ส่วนใหญ่จะตื่นมากินมื้อดึก 1-2 ครั้ง เมื่อลูกเข้าสู่วัย 4-6 เดือน เขามักนอนกลางคืนนาน 4-6 ชั่วโมง โดยไม่ตื่นมากินนมมื้อดึกได้ หากได้รับการฝึกอย่างเหมาะสม ลูกจะสามารถเลิกนมมื้อดึกได้เมื่ออายุประมาณ 6 เดือน ซึ่งเป็นวัยที่สามารถนอนกลางคืนได้นาน 6-8 ชั่วโมง โดยไม่หิวแล้ว คุณแม่ก็สามารถเริ่มฝึกได้ตั้งแต่ช่วงอายุดังกล่าวค่ะ
จะรู้ได้อย่างไรว่าลูกพร้อมเลิกนมมื้อดึก
เด็กที่พร้อมเลิกนมมื้อดึกจะแสดงสัญญาณบอกอย่างน้อยหนึ่งข้อ คุณแม่สามารถสังเกตได้ดังนี้ค่ะ
กินน้อยลงในช่วงกลางวัน
ถ้าลูกกินอาหารน้อยลงในช่วงเวลากลางวัน แล้วมาชดเชยการกินนมตอนกลางคืนเพิ่มมากขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่คุณแม่จะช่วงชิงวงจรนี้ ด้วยการปรับเพิ่มอาหาร และนมในมื้อกลางวันให้มากขึ้น เพื่อที่ลูกจะได้อิ่ม ไม่หิวรอบดึกมากนัก
กินไม่จริงจังในมื้อดึก
หากลูกของคุณตื่นมากลางดึกแล้วกินนมแบบทีเล่นทีจริง แสดงว่าลูกไม่ได้ตื่นมาเพราะความหิว แต่อาจจะตื่นมาเพราะแค่ติดเต้า หรือติดขวดนม เพื่อเป็นตัวช่วยให้เขาสามารถหลับต่ออีกครั้งได้เท่านั้นเองค่ะ
เผลอหลับยาวตลอดทั้งคืน
หากมีคืนใดคืนหนึ่งที่ลูกสามารถเผลอหลับยาวตลอดทั้งคืนโดยไม่ตื่นมาขอกินมื้อดึก แม้จะดูเป็นเรื่องบังเอิญ แต่นั่นก็แสดงว่าจริงๆแล้ว ลูกของคุณแม่สามารถหลับได้ยาวโดยไม่หิวกลางดึกได้
ลูกเริ่มรับอาหารเสริม
เมื่อลูกเริ่มทานอาหารในช่วงกลางวัน เด็กจะรู้สึกหิวน้อยลงในตอนกลางคืน นี่เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะเลิกนมมื้อดึกแก่ลูก
8 เคล็ดลับการเลิกมื้อดึก
การเลิกนมมื้อดึก ไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดค่ะ เพียงแต่ว่าต้องใช้เวลาในเรื่องการปรับตัวกันสักเล็กน้อย อย่างไรก็ตามคุณแม่สามารถนำเทคนิคที่จะกล่าวต่อไปนี้ไปปรับใช้ได้นะคะ
ทานระหว่างวันให้เต็มอิ่ม
คุณแม่อาจสังเกตปริมาณการกินนมของลูกในมื้อดึก โดยพยายามที่จะเพิ่มอาหารและนมให้ลูกในช่วงกลางวัน หากลูกยังทานอาหารเสริม 1 มื้อ คุณแม่อาจจะเลือกเสริมอาหารในช่วงมื้อเย็นให้ เพื่อลูกจะได้อิ่มอยู่ท้องได้นานไม่รู้สึกหิวในตอนกลางคืนจนเกินไป
สังเกตพฤติกรรมการตื่นของลูกช่วงดึก
คุณแม่สังเกตดูว่าช่วงไหนที่ลูกมักตื่นมากินนมช่วงดึกอย่างจริงจัง เพื่อจะได้กำหนดเวลาการให้นมอย่างชัดเจน เด็กอายุ 4 เดือนเป็นต้นไป นาฬิกาชีวิต (Circadian rhythm) เริ่มทำงานได้ดีแล้ว คุณแม่จะได้ตื่นช่วงเวลานั้นเพื่อให้นมลูกก่อนที่ลูกจะร้องขอ เป็นการทำลายความสัมพันธ์ของการตื่นมาร้องและตอบสนองด้วยการให้นมลงด้วยค่ะ แล้วก็ค่อยๆ ยืดเวลาการให้นมที่ห่างขึ้นเรื่อย ๆ
ลดเวลาการให้มื้อดึก
คุณแม่พยายามลดเวลาและปริมาณในการให้นมในช่วงดึกลงเรื่อย ๆ เพื่อให้ลูกค่อยๆปรับตัว และไปชดเชยการกินในช่วงกลางวันแทนค่ะ
เน้นมื้อนมก่อนนอนให้อิ่ม
คุณแม่ต้องกำหนดมื้อนมก่อนเข้านอนให้ลูกด้วย โดยจะต้องมั่นใจว่าลูกได้กินนมอย่างเพียงพอ และอิ่ม อย่างน้อยก็ 4-5 ชั่วโมงที่จะไม่ตื่นมากลางดึกเพราะความหิว
ให้สมาชิกในครอบครัวมีส่วนร่วม
บางครั้งเด็กตื่นมากลางดึกเพื่อขอดูดเต้า หรือขอจุกเป็นตัวช่วยให้ตัวเองสามารถหลับต่อได้ คุณแม่สามารถจะยื้อการตอบสนองเหล่านี้ด้วยการให้คุณพ่อ หรือสมาชิกในครอบครัวช่วยทำให้ลูกสงบลง เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของลูก และให้ลูกเรียนรู้วิธีในการทำให้ตัวเองหลับต่อด้วยตัวเองด้วยค่ะ
เข้าเต้าให้เกลี้ยงทีละข้าง
มื้อนมก่อนเข้านอนคุณแม่สามารถให้เต้า โดยการให้ลูกดูดจนเกลี้ยงเต้าเพียงข้างเดียว เพื่อที่ลูกจะได้รับไขมันเพิ่มจากนมส่วนหลัง ทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน ไม่ตื่นบ่อยในตอนกลางคืน
หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าอื่นที่จะรบกวน
ช่วงที่ให้นม หรืออาหารช่วงกลางวันคุณแม่ควรปลีกตัวให้ลูกกินในที่เงียบ สงบ ไม่มีสิ่งเร้ามาดึงดูดความสนใจ เพราะบางครั้งลูกอาจจะห่วงเล่นมากเกินไป ทำให้กินอาหาร และนมช่วงกลางวันได้น้อย ส่งผลให้มากินทดแทนในช่วงมื้อดึก และคุณแม่ควรจะมีปฏิสัมพันธ์ กอด สัมผัส กับลูกมาก ๆ ในช่วงกลางวัน เพื่อที่ลูกจะได้รู้สึกปลอดภัย และสบายใจ ตอนกลางคืนเข้าจะได้ไม่ตื่นมามองหาแม่ในตอนกลางคืนบ่อย ๆ
อธิบายเหตุผลให้ลูกเข้าใจ
หากคุณแม่กำลังพยายามจะเลิกนมมื้อดึกลูกวัยหัดเดินที่มีนิสัยชอบกินนมตอนกลางคืน คุณแม่ควรบอกเหตุผลให้ลูกฟังอย่างชัดเจน สั้น ๆ ง่าย ๆ และตัวคุณแม่เองก็ต้องมั่นคง และสม่ำเสมอ คอยยืนยันเจตนารมณ์ของคุณแม่ที่จะทำภารกิจนี้ให้ลูกฟังจนสำเร็จ ลูกอาจจะมีงอแง ต่อรองบ้าง แต่ถ้าคุณแม่มั่นคง สม่ำเสมอ ไม่เกิน 1 เดือน เชื่อว่าลูกจะค่อยๆปรับตัว และสามารถทำได้สำเร็จค่ะ
การฝึกลูกเลิกมื้อดึกเป็นปัจจัยเสริมที่จะทำให้ลูกของคุณแม่ได้ปรับตัว และเรียนรู้ที่จะนอนหลับยาวตลอดทั้งคืน แต่ก็ขึ้นอยู่กับความพร้อมของคุณแม่เป็นสำคัญ เพราะคุณแม่บางคนต้องทำงานนอกบ้านตลอดทั้งวัน ช่วงที่จะได้อยู่กับลูกและดูแลลูกก็คือช่วงกลางคืน คุณแม่อาจจะอยากชดเชยเวลาตรงนั้นให้กับลูก และในการฝึกนั้นแน่นอนว่าลูกจะต้องมีการต่อต้าน งอแง หรืออาจจะร้องไห้เป็นเวลานาน ตื่นบ่อยตลอดทั้งคืน จนตัวคุณแม่เองอาจรู้สึกไขว้เขว จึงจำเป็นอย่างมากที่คุณแม่จะต้องเตรียมพร้อมทางด้านจิตใจให้เข้มแข็งค่ะ
อ้างอิง แพทย์หญิงสุทธิชา อู่เงิน กุมารแพทย์, parenting.firstcry.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- วิธีให้ลูกเลิกเต้า ทำอย่างไรถึงจะนุ่มนวล ไม่ให้ลูกเสียใจ