คนท้องท้องผูกเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยจนคุณแม่รุ่นพี่ต่างกล่าวเตือนกันมาปากต่อปาก เพราะปัญหาทางเดินอาหารของแม่ตั้งครรภ์ที่ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูก อึดอัดแน่นท้อง ไม่สบายตัว จนบางครั้งส่งผลต่อการใช้ชีวิตของคุณแม่อย่างมาก เพราะรู้สึกทรมาน เครียด นอนหลับยาก และบางรายอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนอย่าง ริดสีดวงทวาร ตามมาด้วย วันนี้เราจึงมีวิธีรับมือภาวะท้องผูกขณะตั้งครรภ์อย่างถูกวิธีมาฝากกันค่ะ
สาเหตุที่คนท้องท้องผูก
คนท้องท้องผูกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
ฮอร์โมนการตั้งครรภ์
ในช่วงที่ตั้งครรภ์โดยเฉพาะ 3 เดือนแรก ร่างกายของคุณแม่จะมีการหลั่งฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (ฮอร์โมนการตั้งครรภ์) ที่มากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อลำไส้คลายตัว ลำไส้จึงเคลื่อนไหวช้า ส่งผลให้ขับอุจจาระออกมาได้ลดลง
การขยายตัวของมดลูก
มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นขณะตั้งครรภ์นั้นไปเบียดลำไส้ จนทำให้โพรงลำไส้แคบลง จึงเกิดการขับอุจจาระออกมาได้ยาก
วิตามินบางชนิดที่ทานเข้าไป
วิตามินหรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางชนิดที่คุณแม่ทานบำรุงร่างกายก็อาจส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกได้ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก
พฤติกรรมการรับประทาน
คนท้องส่วนใหญ่มักมีพฤติกรรมทานตามใจปาก ทานจุบจิบ ซึ่งหากไม่ใส่ใจหลักโภชนาการ ก็จะทำให้อาหารที่เลือกทานเป็นจำพวกกากใยน้อย ประกอบกับดื่มน้ำไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายที่ต้องการน้ำเพิ่มขึ้นกว่าคนปกติ จึงส่งผลให้เกิดท้องผูกด้วยเช่นกัน
ขาดการออกกำลังกาย
เพราะขาดการออกกำลังกาย ทำให้ลำไส้ของคุณแม่เคลื่อนตัวน้อยลง ขับอุจจาระได้ไม่ดี อุจจาระคั่งค้างนานจนเป็นก้อนแข็ง จึงยิ่งทำให้ขับถ่ายยากขึ้น
คนท้องท้องผูก ต้องเบ่ง อันตรายกับลูกในท้องไหม
ในการเบ่งถ่ายอุจจาระขณะตั้งครรภ์ หากเป็นการออกแรงปกติ ไม่ใช่การเบ่งที่รุนแรง และไม่มีเลือดออกทางช่องคลอด ก็จะไม่ส่งผลกระทบกับลูกในท้องค่ะ แต่หากคุณแม่ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระบ่อยๆตลอดการตั้งครรภ์ อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอย่าง ริดสีดวงทวารหรือ ลำไส้อุดตัน ได้
รับมืออย่างไรให้ห่างไกลอาการท้องผูก
คนท้องท้องผูกอาจบรรเทาได้ด้วยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต และการรับประทานเช่นเดียวกับอาการท้องผูกในคนทั่วไป โดยปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้
รับประทานอาหารที่มีกากใยให้เพียงพอ
คุณแม่ควรทานอาหารที่มีกากใยอย่างน้อย 25 – 30 กรัมต่อวัน เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบขับถ่าย และช่วยให้อาการท้องผูกดีขึ้นได้
ดื่มน้ำให้มาก
คนท้องควรดื่มน้ำให้เพียงพอเพราะส่งผลดีต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น จะช่วยให้กากใยของอาหารที่ทานเข้าไปทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลดีต่อการขับของเสียออกจากร่างกาย ช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิตทั้งของคุณแม่และทารกในครรภ์ รวมถึงช่วยสร้างน้ำคร่ำที่หล่อเลี้ยงทารกในครรภ์ เป็นต้น โดยคุณแม่ควรได้รับของเหลวประมาณ 10 – 12 แก้วต่อวัน หรือราว 2,400 – 2,800 มิลลิลิตร
ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
คนท้องสามารถออกกำลังกายเบาได้ เช่น การเดิน ว่ายน้ำ โยคะ และออกกำลังกายที่เหมาะสมภายใต้คำแนะนำของแพทย์ อย่างน้อยสัปหาด์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20 – 30 นาที เพื่อช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบลำไส้
ดังนั้น คุณแม่ที่ออกกำลังกายน้อยจะยิ่งเสี่ยงต่ออาการท้องผูกได้
ปรับท่านั่งอุจจาระ
คนท้องควรปรับท่านั่งอุจจาระเพื่อช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น คือให้หายใจเข้าลึก แล้วก็หายใจออก เพื่อให้กล้ามอุ้งเชิงกรานผ่อนคลาย ในขณะนั่งชักโครก ให้จิกปลายเท้า เพื่อชูหัวเข่าให้สูงมากขึ้น หรือวางเท้าบนเก้าอี้เตี้ยๆเพื่อเท้าสูงจากพื้น กระบวนการนี้จะทำให้คนท้องอยู่ในท่าสควอท ซึ่งเป็นท่าที่ดีต่อการนั่งถ่าย
ปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการท้องผูก
สาเหตุหนึ่งที่คนท้องท้องผูก เป็นเพราะรับประทานยาเสริมธาตุเหล็กที่แพทย์ให้มาบำรุงร่างกาย การปรึกษาแพทย์เพื่อปรับเปลี่ยนปริมาณยาธาตุเหล็ก และเน้นการรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงอย่างเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในระหว่างการตั้งครรภ์ เป็นอีกวิธีที่ช่วยลดอาการท้องผูกได้
เพิ่มอาหารที่มีโพรไบโอติกส์ (Probiotics)
โพรไบโอติกส์ คือ จุลินทรีย์ดีที่อาศัยอยู่ภายในร่างกายมนุษย์ ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นชี้ว่าโพรไบโอติกส์ส่งผลดีต่อการทำงานของลำไส้และการขับถ่าย ซึ่งอาจช่วยลดอาการท้องอืด ท้องเสีย ท้องผูก และอาการปวดท้องด้วยการปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ โดยโพรไบโอติกส์พบได้ในอาหารหมักดอง อย่างโยเกิร์ตและกิมจิ รวมไปถึงอาหารเสริมโพรไบโอติกส์รูปแบบต่าง ๆ
อาหารแก้ท้องผูกของคนท้อง
คนท้องก็เหมือนคนทั่วไปที่ควรดูแลเรื่องโภชนาการสารอาหารให้ครบถ้วน และหลากหลาย ให้เพียงพอกับความต้องการของตัวเองและทารกในครรภ์ ขอยกตัวอย่างอาหารที่ช่วยลดอาการท้องผูก อึดอัด แน่นท้องได้ เช่น
ผัก และผลไม้ที่มีกากใยสูง
เช่น ลูกพรุน แก้วมังกร ส้ม ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ผักกะเฉด คะน้า ผักหวาน ใบยอ กล้วย เป็นต้น พวกธัญพืชหลายชนิดก็ให้กากใยสูงเช่นกัน ได้แก่ ข้าวโพด ถั่วดำ ถั่วเขียว เป็นต้น
เลี่ยงอาหารที่เพิ่มแก๊สในกระเพราะ
เช่น สับปะรดและอะโวคาโด ที่มีกรดกำมะถันสูง เมื่อรับประทานเข้าไปจะทำให้ท้องอืด และอาจทำให้เกิดอาการอาเจียนร่วมด้วย เนื่องมาจากกรดไหลย้อนและจุกเสียด จึงเป็นผลไม้ที่จัดว่าคนท้องห้ามรับประทานอย่างเด็ดขาด
ไม่ทานแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตมากไป
ควรจัดสัดส่วนของอาหารให้ถูกต้อง อาหารบางชนิดทานได้แต่อย่ามากจนเกินไป เช่น มะม่วงดิบ แห้ว หรือมันแกว เพราะมีปริมาณแป้งและคาร์โบไฮเดรตสูง ทำให้ระบบการดูดซึมอาหารช้าลง จนส่งผลให้กลายเป็นท้องอืด
ดื่มน้ำเยอะๆ
ร่างกายคนท้องต้องการน้ำมากกว่าคนปกติ น้ำที่ช่วยลดอาการท้องผูกได้ดีคือน้ำเปล่า และน้ำผลไม้คั้นสด แต่ต้องทำความสะอาดผลไม้ให้สะอาดก่อนทำการคั้นเสมอ
หากลองใช้วิธีดังกล่าวข้างตนแล้วแต่ยังมีอาการท้องผูกอยู่ หากต้องการใช้ยาคุณแม่ควรใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะแพทย์มักไม่แนะนำให้คนท้องใช้ยาระบายบางชนิด เนื่องจากยาบางชนิดอาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำหรือเกิดการหดตัวของมดลูกและส่งผลอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ นอกจากนี้ ควรระมัดระวังการรักษาอาการท้องผูกขณะตั้งครรภ์ด้วยน้ำมันมิเนอรัลที่ช่วยหล่อลื่นอุจจาระ เพราะอาจส่งผลทำให้ร่างกายดูดซึมแร่ธาตุได้ลดลง ซึ่งอาจเป็นผลเสียต่อทั้งแม่และทารกได้ค่ะ