ตะคริวคนท้อง รับมืออย่างไร แบบไหนที่ต้องระวัง
ตะคริวคนท้องถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ ตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์อ่อนๆ จนกระทั่งน้ำหนักตัวเริ่มเพิ่มมากขึ้น และเป็นตะคริวบ่อยมากที่สุดในช่วง ไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่จะเริ่มจากการเป็นตะคริวเล็กน้อยจนแทบจะไม่ทันได้สังเกต เมื่อเวลาผ่านไปคุณแม่ตั้งครรภ์เริ่มแบกรับน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อไม่ยืดหยุ่นเหมือนเดิม ส่งผลให้เป็นตะคริวจากกล้ามเนื้อที่หดตัวขึ้นมาทันที และในบางกรณีอาจเป็นตะคริวบริเวณมดลูกด้วย วันนี้จึงมีวิธีรับมือตะคริวคนท้อง และข้อควรระวัง มาฝากกันค่ะ
ตะคริวคนท้องเกิดจากอะไร?
ตะคริวคนท้องเกิดได้หลายสาหตุ ดังนี้
ขาดแคลเซียม
เกิดจากภาวะแคลเซียมในเลือดของคุณแม่ต่ำ เนื่องจากทารกในครรภ์ต้องนำไปใช้สร้างกระดูกและฟัน
ขาดน้ำ
และมีความผิดปกติของเกลือแร่ในร่างกายโดยเฉพาะช่วงอากาศร้อน หรือเมื่อคุณแม่รู้สึกกระหายน้ำ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าร่างกายเริ่มเข้าสู่ภาวะขาดน้ำแล้ว
เลือดไหลเวียนไม่สะดวก
โดยเฉพาะส่วนล่าง เนื่องจากการทำงาน หรือการนั่งขดขาในท่าเดิมเป็นเวลานาน
ท้องขยายมากขึ้น
ทำให้มดลูกไปกดทับตรงตำแหน่งของอุ้งเชิงกราน เลือดจึงไหลเวียนไม่สะดวก ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณน่องขาดออกซิเจน จึงเป็นตะคริวได้
มดลูกไม่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม
โดยทั่วไปมดลูกจะอยู่ที่งเชิงกราน หากมดลูกยื่นออกมาด้านหน้าเหนือกระเพาะปัสสาวะ หรือยื่นไปด้านหลัง เมื่อมดลูกขยายตัวจึงไปเบียดกับอวัยวะอื่น ๆ ส่งผลให้ระบบประสาทถูกกระตุ้น และเกิดเป็นตะคริวได้
เกิดจากถุงซีสต์
ถุงซีสต์หรือเรียกว่า คอร์ปัสลูเทียม (Corpus luteal cyst) เป็นถุงน้ำปกติ ปกติจะต้องหายไปหลังจากมีการปล่อยให้ไข่ออกไปปฏิสนธิกับสเปิร์ม แต่ถ้ากรณีถุงซีสต์ไม่สลายตัวไปเอง จะทำให้เกิดการสะสมของของเหลวในถุงน้ำ ทำให้เกิดเป็นซีสต์ และตะคริวตามมาได้
วิธีรักษาอาการเบื้องต้น
เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มีอาการตะคริวของคนท้อง คนข้างๆอย่างคุณพ่อ คือผู้ปฐมพยาบาลที่สามารถช่วยได้ดีที่สุดเลยค่ะ โดยสามารถช่วยเบื้องต้นได้ ดังต่อไปนี้
ตะคริวที่น่อง
ให้คุณแม่ตั้งครรภ์เหยียดขาข้างที่เป็นออกให้สุด แล้วให้คุณพ่อช่วยใช้มือข้างหนึ่งประคองส้นเท้าไว้ มืออีกข้างดันปลายเท้าขึ้นลงช้าๆ แล้วนวดที่น่องเบาๆ ไม่ควรนวดแรงเพราะกล้ามเนื้ออาจจะบาดเจ็บทำให้ตะคริวกลับมาอีกได้
ตะคริวที่ต้นขา
เหยียดขาข้างที่เป็นของคุณแม่ตั้งครรภ์ออกให้สุด แล้วคุณพ่อใช้มือข้างหนึ่งประคองส้นเท้าไว้ ส่วนมืออีกข้างค่อยๆกดลงบนหัวเข่าแล้วนวดต้นขาบริเวณที่เป็นจะตะคริวเบาๆ
ตะคริวนิ้วเท้า
เหยียดนิ้วเท้าตรง ลุกขึ้นยืนเขย่งเท้าเดินไป – มา เพื่อให้กล้ามเนื้อคลายตัว และค่อยให้คุณพ่อช่วยนวดบริเวณนิ้วเท้าเบาๆ ถ้าคนท้องเป็นตะคริวที่นิ้วมือก็เหยียดนิ้วมือออก เพื่อให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นคลายออก
หากเป็นตะคริวบริเวณท้องอย่างต่อเนื่อง
หากมีเลือดออกเป็นจำนวนมากร่วมกับการเป็นตะคริว ควรรีบพบแพทย์ทันที
วิธีป้องกันตะคริวคนท้อง
ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้มากๆ
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้ได้วันละ 8-10 แก้ว นอกจากช่วยลดปัญหาตะคริวแล้ว ยังดีต่อสุขภาพของคุณแม่และทารกในครรภ์ด้วยค่ะ
ใส่ใจเรื่องโภชนาการอาหาร
แนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น ผักใบเขียว ปลาตัวเล็กๆ นม โดยหากต้องการลดการเป็นตะคริวกลางดึก อาจเพิ่มการดื่มนมก่อนนอน และทานอาหารที่มีแมกนีเซียมให้เพียงพอ เช่น อัลมอนด์ มันเทศ อินทผลัม ลูกเกด ส้ม สับปะรด ฟักทอง ถั่วแดง เป็นต้น เพราะแมกนีเซียมช่วยปรับสมดุลของแคลเซียมในร่างกาย เพื่อให้กล้ามเนื้อยืดและหดตัวได้ดี
แช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลาย
หากที่บ้านมีอ่างอาบน้ำให้คุณแม่ตั้งครรภ์นอนแช่ตัวในน้ำอุ่น จะช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดการเกิดตะคริวได้ แต่หากไม่มีอ่างอาบน้ำ อาจเลือกการแช่เฉพาะขาและเท้าก็ได้เช่นกัน
หนุนเท้าให้สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย
เวลานอนคุณแม่ตั้งครรภ์สามารถใช้หมอนคนท้องหรือผ้าห่มหนา ๆ หนุนเท้าให้สูงกว่าลำตัวเล็กน้อย หรือสูงกว่าเตียงประมาณ 10 ซม.จะช่วยให้การไหลเวียนเลือดจากบริเวณกล้ามเนื้อน่องกลับสู่หัวใจได้ดีขึ้น ทำให้ความเป็นกรดในเลือดลดลง จึงลดอาการตะคริวให้หายไปได้
หลีกเลี่ยงอากาศเย็น
คุณแม่ตั้งครรภ์ควรเลี่ยงการอยู่ในที่ที่อากาศเย็นจนเกินไป แต่ให้ปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม ทำร่างกายให้อบอุ่นเพื่อลดอาการตะคริว
ตะคริวแบบไหนที่ต้องระวัง
- เป็นตะคริวที่เนินหัวหนาว และมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอด ร่วมกับมีอาการปวดแบบเฉียบพลัน และมึนหัว
- เจ็บท้องล่างมาก และมีอาการมดลูกบีบตัว
- รู้สึกว่ามีไข้
- ในบางครั้งการเป็นตะคริวก็หมายถึง ไข่ที่ได้รับการปฏิสนธินั้นไม่ได้ฝังตัวในมดลูก แต่ว่าไปฝังตำแหน่งอื่นแทน เช่น ท่อนำไข่ ซึ่งเรียกกันว่า “การท้องนอกมดลูก” ทำให้มีอาการปวดขณะปัสสาวะ จนทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเร่งปัสสาวะ เป็นต้น
คุณแม่ตั้งครรภ์จะเจอประสบการณ์ตะคริวคนท้อง ไม่มากก็น้อย เป็นปกติ ดังนั้น ควรป้องกันด้วยการดูแลเรื่องการทานอาหาร การสวมใส่เสื้อผ้าก็ช่วยได้บางส่วน และที่สำคัญคนข้างกายอย่างคุณพ่อก็ต้องเตรียมวิธีปฐมพยาบาลเอาไว้ด้วย หากมีอาการบ่อยและมากควรปรึกษาแพทย์ผู้รับฝากครรภ์ทันทีเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ค่ะ