แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) ภูมิคุ้มกันธรรมชาติจากน้ำนมแม่สู่ลูกน้อย
น้ำนมแม่นอกจากเป็นแหล่งของสารอาหารชั้นเยี่ยมสำหรับลูกๆ แล้ว การได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิดยังสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูกน้อยได้ดีอีกด้วย ดังนั้น เด็กทารกทุกคนควรได้กินนมแม่อย่างน้อย 6 เดือน ต่อเนื่องไปถึงประมาณ 1 – 2 ปี
เพราะน้ำนมแม่มีสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยในแต่ละช่วงวัยอีกทั้งยังมีสารภูมิคุ้มกันสำคัญอื่นๆที่อาจหาไม่ได้จากแหล่งอาหารอื่นๆ เช่น แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) หนึ่งในสารภูมิคุ้มกันธรรมชาติที่พบได้เฉพาะในน้ำนมแม่ซึ่งลูกน้อยทั้งคลอดธรรมชาติและผ่าคลอดควรได้รับอย่างเพียงพอ ดังนั้นมาทความรู้จักกับวัคซีนธรรมชาติที่สามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงให้ลูกน้อยตั้งแต่แรกเกิดกันค่ะ
แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) คืออะไร
แลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) คือ โปรตีนชนิดหนึ่งในน้ำนมแม่ซึ่งมีส่วนประกอบของเซลล์เม็ดเลือดขาวทำหน้าที่ในการสร้างแอนติบอี (antibody)
ช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อโรค แบคทีเรีย เชื้อรา และไวรัส อีกทั้งยังแลคโตเฟอร์ริน ยังมีคุณสมบัติพิเศษทำหน้าที่สำคัญต่อระบบทางเดินอาหาร ออกฤทธิ์ในลำไส้เพื่อทำการต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัสต่าง ๆ โดยจับกับธาตุเหล็กในลำไส้ ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จำเป็นต้องใช้โมเลกุลของธาตุเหล็กช่วยในการเจริญเติบโต ทำให้แบคทีเรียไม่สามารถเจริญเติบโตได้ ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อในทารก และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันสำหรับทารกให้แข็งแรงมากขึ้น
ชวนรู้จักน้ำนมแม่ 3 ระยะ
ก่อนรู้จักประโยชน์ของเจ้าแลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin) เรามารู้จักกันก่อนว่านำนมแม่แบ่งออกเป็นกี่ระยะแต่ละระยะมีความสำคัญอย่างไร แล้วแลคโตเฟอร์รินวัคซีนภูมิคุ้มกันธรรมชาติสำหรับลูกน้อยอยู่ในน้ำนมแม่ระยะใด เพื่อให้ลูกน้อยไม่พลาดวัคซีนธรรมชาติที่สำคัญจากน้ำนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด
ระยะที่1: น้ำนมเหลือง (Colostrum)
เป็นน้ำนมแม่ส่วนที่ดีที่สุดซึ่งมีเพียง 1-3 วันหลังคลอดเท่านั้น และเป็นช่วงที่มีมีระดับของแลคโตเฟอร์รินสูงที่สุด หากลูกน้อยไม่ได้กินนมแม่ในระยะ 1 – 3 วันหลังจากคลอดก็จะพลาดแลคโตเฟอร์รินในระดับสูงสุดช่วงนี้ไป ซึ่งมีแลคโตเฟอร์รินมากถึง 6 กรัม/ลิตร นอกจากนี้น้ำนมแม่ระยะนี้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่สำคญและมีประโยชน์มากมาย และเป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อพัฒนาการทั้งสมองและภูมิคุ้มกัน และระบบทางเดินอาหาร อาทิ MFGM, DHA เป็นต้น
ระยะที่ 2: น้ำนมระยะปรับเปลี่ยน (Transitional Milk)
เป็นช่วงน้ำนมแม่เริ่มเปลี่ยนสีน้ำนมจะเริ่มมีสีขาวขึ้น น้ำนมในระยะนี้จะถูกสร้างขึ้นในช่วงวันที่ 4 จนถึง 2 สัปดาห์หลังคลอด น้ำนมในระยะนี้จะมีส่วนประกอบของไขมันมากขึ้นและอุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อย ในระยะนี้จะมีแลคโตเฟอร์นินอยู่ที่ 3.7 กรัม/ลิตร
ระยะที่ 3: น้ำนมสีขาว (Mature Milk)
เป็นน้ำนมที่ถูกสร้างในช่วง 10 วันหลังคลอด อีกทั้งยังเป็นน้ำนมสมบูรณ์อุดมไปด้วยโปรตีน ไขมัน น้ำตาลแลคโตส วิตามิน ละแร่ธาตุมากมาย ที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตและเสริมสร้างความสมบูรณ์แข็งแรง พัฒนาระบบประสาทและการมองเห็น และยังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้ลูกน้อย นอกจากนี้ระดับแลคโตเฟอร์รินช่วงน้ำนมสีขาวจะอยู่ที่ 1.5 กรัมต่อลิตร
ทั้งนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับประโยชน์ของน้ำนมแม่อย่างละเอียดได้ที่นี่
ประโยชน์ของแลคโตเฟอร์ริน (Lactoferrin)
แลคโตเฟอร์รินสารอาหารสำคัญในน้ำนมเหลืองที่ลูกน้อยไม่ควรพลาดในช่วง 1-3 วันแรกหลังคลอดเพราะเป็นช่วงที่มีระดับแลคโตเฟอร์ลินสูงที่สุด แลคโตเฟอร์รินยังสำคัญและจำเป็นทั้งในทารกคลอดธรรมชาติและทารกผ่านคลอด นอกจากเป็นวัคซีนช่วยป้องการติดเชื้อได้แล้ว แลคโตเฟอร์รินยังมีประโยชน์ต่อลูกน้อยอีกมากมายได้แก่
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสและเชื้อรา
- ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร
- เสริมภูมิคุ้มกันให้เด็กผ่าคลอด
- ช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานโรคหลายอย่าง เช่น โรคอุจจาระร่วง โรคหูน้ำหนวก โรคทางเดินหายใจ และโรคภูมิแพ้ เป็นต้น
สรุป
นมแม่ดีที่สุดโดยเฉพาะน้ำนมเหลืองที่มีแลคโตเฟอร์ริน เพราะน้ำนมในระยะนี้จะมีภูมิคุ้มกันจากแม่สูงที่สุด ช่วยให้ลูกมีภูมิต้านทานและภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง นอกจากนี้แลคโตเฟอร์รินยังเป็นโปรตีนที่พบในน้ำนมแม่เพียงแหล่งเดียวหากลูกน้อยไม่ได้ดื่มนมแม่ในช่วง 1-3 วันแรก อาจพลาดที่จะได้รับแลคโตเฟอร์รินในระดับที่สูงที่สุด
อย่างไรก็ตามแลคโตเฟอร์รินยังสามารถพบได้ในน้ำนมแม่ในระยะอื่นๆ แต่อาจมีระดับที่ลดลงกว่าในช่วง 1-3 วันแรก ดังนั้นลูกน้อยจึงควรได้รับนมแม่ตั้งแต่แรกเกิด โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก และควรได้รับอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงอายุประมาณ 1-2 ปีหลังคลอด เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงด้วยวัคซีนธรรมชาติจากนมแม่