ความสวยกับผู้หญิง ถือเป็นเรื่องคู่กันมาช้านาน แน่นอนว่า ผู้หญิงทุกคนอยากจะสวย และดูดีอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้กระทั่งในยามตั้งครรภ์
แต่ในสภาวะที่ผู้หญิงเรากำลังตั้งครรภ์ ร่างกายมักจะอ่อนแอ และมีภูมิต้านทานต่ำ จึงเกิดการติดเชื้อได้ง่าย ด้วยเหตุนี้การเสริมสวย จึงเป็นเรื่องสำคัญอีกประการหนึ่ง ซึ่งคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ควรระมัดระวัง และใส่ใจรายละเอียด และข้อควรระวังเป็นพิเศษ
คนท้องเสริมสวยได้ไหม อะไรบ้าง
คนท้องสามารถเสริมสวยได้ แต่ควรอยู่ในระยะที่ปลอดภัย คือ หลังจากอายุครรภ์เกิน 4 เดือนขึ้นไปแล้ว รวมถึงควรหลีกเลี่ยง และงดเว้นการเสริมสวยบางประเภท โดยเฉพาะการเสริมสวยที่ต้องใช้ความร้อน และสารเคมี ซึ่งจะส่งผลก่อให้เกิดอันตรายทั้งคุณแม่ และทารกในครรภ์อีกด้วย
แม้ว่าคุณแม่จะสามารถเสริมได้ก็จริง แต่ก็ควรมีข้อระวัง ดังนี้
การแต่งหน้า
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สามารถแต่งหน้าได้ แต่ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ และเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองคุณภาพ หรือได้มาตรฐาน หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางค์ที่ไม่มี อย. เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และแพ้เครื่องสำอางค์ได้ ซึ่งจะทำให้เป็นอันตรายทั้งต่อตัวคุณแม่ และทารกในครรภ์ได้ นั่นเอง
ดัดผม ยืดผม ย้อมสีผม
รวมไปถึงการโกรกผม ย้อมผม ทำสีผม ทำทรีตเม้นต์ ฯลฯ – สำหรับการเสริมสวยที่เกี่ยวกับเส้นผมและหนังศีรษะทุกชนิด คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ “ควรหลีกเลี่ยง” เพราะการเสริมสวยบนศีรษะเหล่านี้ต้องใช้สารเคมีในปริมาณมาก ซึ่งสารเคมีอาจแทรกซึมเข้าสู่รูขุมขนบนหนังศีรษะ หรืออาจทำให้คุณแม่เกิดการระคายเคือง เกิดอาการแพ้ได้ ซึ่งจะทำให้เป็นอันตรายต่อตัวคุณแม่ และทารกในครรภ์ด้วย นั่นเอง หรือถ้าหากคุณแม่ตั้งครรภ์ต้องการทำสีผม สามารถเลือกยาย้อมสีผมสำหรับคนท้องได้ เพราะสารที่ใช้เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ
การไดร์ผม และการอบผม
การใช้ไดร์เป่าผม และการอบผม ต้องระมัดระวังการใช้ความร้อนเป็นเวลานานๆ เพราะอาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์รู้สึกวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด และเป็นลมได้ โดยเฉพาะการอบผมซึ่งใช้ความร้อนสูง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อคุณแม่ และทารกในครรภ์ ในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ จึงควรงดเว้นโดยเด็ดขาด
การทาเล็บ แต่งเล็บ
สามารถแต่งเล็บ และทาเล็บได้ แต่มีข้อห้ามคือ ห้ามคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์สูดดมกลิ่นยาทาเล็บ แทะเล็บ กัดเล็บ รวมถึงพฤติกรรมที่อาจพลั้งเผลอ เช่น การดูดนิ้ว เพราะอาจทำให้สารเคมีจากยาทาเล็บเข้าสู่ร่างกาย และเป็นอันตรายต่อคุณแม่ และทารกในครรภ์ได้เช่นกัน ดังนั้นจึงควรสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะทำเล็บ แต่งเล็บ และทาเล็บ เพื่อหลีกเลี่ยงการสูดดมกลิ่นสารเคมีจากน้ำยาทาเล็บ เป็นต้น
ทำสปา นวดตัว ขัดผิว
สามารถทำได้ หากเป็นการนวดเพื่อผ่อนคลาย ไม่ใช้แรงกดมาก และควรหลีกเลี่ยงการนวดบริเวณจุดสำคัญของร่างกาย เช่น หน้าท้อง ต้นขา ฝ่าเท้า ส้นเท้า โดยเฉพาะการนวดบริเวณส้นเท้า และฝ่าเท้า ซึ่งเป็นศูนย์รวมของปลายประสาท อาจจะทำให้มดลูกเกิดการหด และบีบตัว ส่งผลให้เกิดการแท้งบุตรได้
ดังนั้นหากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ต้องการที่จะทำสปา นวดตัว ขัดผิว ควรเลือกใช้บริการร้านเสริมสวย ที่มีบริหารสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ จึงจะเป็นการดีที่สุด
นวดหน้า ทำทรีทเมนท์ใบหน้า
สามารถทำทรีทเมนท์ และนวดหน้าได้ หากใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสมุนไพร ที่ได้รับการรับรองว่าปลอดภัยสำหรับสตรีมีครรภ์ แต่ไม่ควรทำทรีทเมนท์ หรือนวดหน้าโดยการใช้เครื่องมือไฟฟ้า หรือสารไมโครใดๆ โดยโดขาด เพราะอาจจะทำให้เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
ทำฟัน จัดฟัน ถอนฟัน
คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถทำฟันได้ แต่ต้องพิจารณาเป็นรายๆ ไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ที่ทำการฝากครรภ์ ว่าสภาวะร่างกายของคุณแม่ในขณะนั้นปลอดภัยเพียงพอหรือไม่ หากต้องมีการถอนฟัน อุดฟัน หรือจัดฟัน ทั้งนี้เพราะการถอนฟันอาจจะทำให้คุณแม่มีเลือดออกมากผิดปกติ จนเป็นอันตรายได้
นอกจากนี้ การกรอฟันเป็นเวลานานๆ ก็อาจทำให้คุณแม่เป็นตะคริว หรือมีอาการเกร็งได้ ซึ่งอาจส่งผลทำให้คุณแม่มีอาการครรภ์เป็นพิษ หรือคลอดก่อนกำหนดได้เช่นกัน
การเสริมสวยที่คนท้องควรเลี่ยง
แม้ว่าส่วนใหญ่แล้วการเสริมสวยหลาย ๆ อย่าง คนท้องสามารถทำได้ แต่ก็มีบางอย่างที่ควรเลี่ยง ดังนี้
อบไอน้ำ ซาวน่า
ไม่ควรทำ เพราะการอบไอน้ำ และทำซาวน่า เป็นกระบวนการที่ทำให้เกิดความร้อน ซึ่งจะทำให้ร่างกายของคุณแม่สูญเสียน้ำจากเหงื่อ คุณแม่จะรู้สึกอ่อนล้า อ่อนเพลีย อาจถึงกับหน้ามืด เวียนศีรษะ และเป็นลมได้ นอกจากนี้ยังอาจส่งผลถึงไขสันหลัง และระบบประสาทของทารกในครรภ์ ทำให้สมองเกิดความผิดปกติได้ด้วยเช่นกัน
โบท็อกซ์
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ควรทำโบท็อกซ์ เพราะจะทำให้เกิดการสะสมของสารเคมีในกระแสเลือด ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ (รวมถึงคุณแม่ในระยะให้นมบุตรก็ไม่ควรทำโบท็อกซ์ด้วยเช่นกัน)
การฉีดน้ำหอม
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์สามารถฉีดน้ำหอมได้ แต่ไม่ควรใช้มากเกินไป ควรให้มีระยะห่างจากขวดน้ำหอม และร่างกายของคุณแม่ราว 1 ช่วงแขน หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำหอมที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ แต่เนื่องจากในน้ำหอมมีสาร Phthalate ซึ่งเป็นสารที่มีผลต่อการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อและระบบสืบพันธุ์ อาจส่งผลให้รังไข่ทำงานผิดปกติ ดังนั้น หากแม่ท้องใช้น้ำหอมอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ได้ ทางดีที่ควรเลี่ยงดีกว่าค่ะ
ระยะปลอดภัยที่แม่ท้องเสริมสวยได้ คือช่วงใด
สำหรับคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และอดใจทำสวยให้กับตนเองไม่ได้แล้วละก็ ตุณแม่สามารถเข้าร้านเสริมสวยเพื่อเติมเสน่ห์ของตนเองได้ แต่ต้องเป็นหลังจากระยะครรภ์ผ่านไปแล้ว 4 เดือน โดยเฉพาะการเสริมสวยที่ต้องใช้ความร้อน และสารเคมี เช่น การดัดผม ยืดผม ย้อมผม และทำสีผม เป็นต้น
และถ้าจะให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น คุณแม่ควรเลือกน้ำยาออร์แกนิค เพื่อหลีกเลี่ยง และลดการสัมผัสกับสารแอมโมเนียในน้ำยาต่างๆ ดังกล่าว ทั้งนี้เพราะในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
เสริมสวยอย่างไรให้ปลอดภัยทั้งแม่ตั้งครรภ์ และทารกในครรภ์
เว้นช่วง
งดเว้นการเสริมสวยในช่วงระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ หากต้องการเสริมสวย ก็สามารถทำได้หลังจาก 4 เดือนไปแล้ว
เลือกร้านเฉพาะสำหรับคนท้อง
ควรเลือกร้านเสริมสวยที่มีบริการสำหรับคนท้องโดยเฉพาะ เพื่อความสะอาด ปลอดภัย ทั้งคุณแม่ และทารกในครรภ์ เพราะอาจเกิดการติดเชื้อได้ง่าย หากร้านเสริมสวยไม่ได้มาตรฐาน หรือมีบริการเฉพาะสำหรับคนท้องโดยตรง
ใช้ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค
ควรเลือกผลิตภัณฑ์เสริมสวยออร์แกนิค เพื่อลดการสะสมของสารเคมีในเครื่องสำอางค์ หรือวัสดุอุปกรณ์ในการเสริมสวย เพราะจะเป็นอันตรายต่อแม่ และทารกในครรภ์ได้
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องมือไฟฟ้า
เช่น ไดร์เป่าผม เครื่องอบผม กับร่างกายของคุณแม่ ขณะตั้งครรภ์อ่อนๆ (ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์) เพราะอาจส่งผลให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้
หากเสี่ยง อย่าทำ
ถ้าหลีกเลี่ยงการเสริมสวยที่ “เสี่ยง” ต่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ได้ ก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะขณะที่คุณแม่ตั้งครรภ์ร่างกายจะอ่อนแอ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนั้นการเสริมสวยของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ ควรเลือกวิธีการที่เป็นธรรมชาติที่สุด เช่น เพียงสระผม แล้วเช็ดผมให้แห้ง หวีให้เรียบร้อย ก็สามารถทำให้คุณแม่ดูดี สะอาด และสบายตัวได้เช่นกัน
สรุป
ผู้หญิงกับความสวยความงามแม้จะเป็นของคู่กันก็จริง แต่ความงามที่มาพร้อมกับความปลอดภัย ของตัวคุณแม่และทารกในครรภ์ ย่อมจะเป็นการดีที่สุดค่ะ