การได้เป็นแม่นับว่าเป็นอะไรที่มีความสุขที่สุดแล้ว การให้ลูกได้ดูดเต้าเป็นที่สุขไม่แพ้กัน ทั้งนี้คุณแม่มือใหม่ควรรู้ “วิธีให้ลูกดูดเต้า เข้าเต้าอย่างถูกวิธี ฉบับแม่มือใหม่เทิร์นโปร” นั้นเป็นอย่างไร ทำตามได้ไม่ยากค่ะ และกอปรกับถ้าคุณแม่ได้รู้วิธีอุ้มลูกเข้าเต้าที่ถูกต้องด้วยแล้วล่ะก็ ยิ่งจะทำให้คุณแม่สามารถให้นมลูกได้นานขึ้นเลยทีเดียว
6 วิธีอุ้มลูกเข้าเต้า แม่ควรรู้
ท่าที่ 1 ท่านอนขวางบนตัก (Cradle Hold)
เป็นอีกหนึ่งท่าให้นมแบบคลาสสิกและได้รับความนิยมอย่างมากอีกท่าหนึ่ง เริ่มด้วยการให้คุณแม่นั่งขัดสมาธิแล้วอุ้มลูกเอาไว้บนตักหรืออาจหาหมอนรองให้นมก็ได้ค่ะ มือและแขนประคองตัวลูกไว้ ตำแหน่งของตัวลูกจะนอนตะแคงเข้าหาตัวคุณแม่ ให้ศีรษะลูกสูงกว่าลำตัวเล็กน้อย ท้ายทอยอยู่บนแขนของคุณแม่ ส่วนมืออีกข้างของคุณแม่ประคองเต้านมไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้ปิดจมูกลูก
ท่านอนขวางตักเหมาะสำหรับ
ท่านี้จะเหมาะกับคุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ เพราะหากเป็นการผ่าคลอดจะทำให้ลูกและหมอนรองให้นมไปกดทับแผลผ่าได้
ท่าที่ 2 ท่านอนขวางตักประยุกต์ (Cross-cradle Hold)
ท่านี้จะคล้าย ๆ กับท่านอนขวางตักแต่จะต่างกันแค่มือค่ะ โดยที่คุณแม่จะใช้มือข้างเดียวกับเต้านมที่ลูกดูดประคองเต้านม ส่วนมืออีกข้างรองรับต้นคอและท้ายทอยของลูกค่ะ
ท่านอนขวางตักประยุกต์เหมาะสำหรับ
ท่านี้จะเหมาะมากสำหรับการหัดให้ลูกดูดเต้า เพราะจะสามารถช่วยการควบคุมการเคลื่อนไหวของศีรษะลูกได้ดีกว่า และเหมาะที่สุดสำหรับทารกแรกเกิดที่ตัวเล็ก และทารกที่มีปัญหาในเรื่องการดูดนม และลูกไม่ยอมเข้าเต้า
ท่าที่ 3 ท่าอุ้มลูกฟุตบอล (Football Hold)
สำหรับท่านี้ ตำแหน่งของตัวลูกจะอยู่ในท่าที่กึ่งตะแคงกึ่งนอนหงาย ลำตัวลอดใต้วงแขนของคุณแม่ เท้าลูกจะชี้ไปด้านหลังของคุณแม่ ส่วนมือของคุณแม่ด้านที่ลูกอยู่นั้น ให้ประคองที่ต้นคอและท้ายทอยของลูก กอดลูกให้แนบกับลำตัวของคุณแม่ ท่านี้จะสบายที่สุด
ท่าอุ้มลูกฟุตบอลเหมาะสำหรับ
ท่านี้เหมาะมาก ๆ สำหรับคุณแม่ผ่าคลอด เพราะจะไม่มีการกดทับแผลผ่าคลอดแต่อย่างใด
ท่าที่ 4 ท่าเอนตัว (Laid-back Hold)
ท่านี้เป็นอีกท่าที่ค่อนข้างสะดวกสบาย โดยให้คุณแม่เอนตัวนอนไปด้านหลัง วางลูกไว้บนหน้าอก ใช้มือโอบลูกไว้ เพื่อป้องกันการเคลื่อนไหว หรือการเลื่อนไหลของลูก ให้ตำแหน่งศีรษะของลูกเอียงเล็กน้อย เพื่อป้องกันการปิดกั้นทางเดินหายใจ และเป็นท่าที่ป้องกันการสำลักนมได้ดีทีเดียวค่ะ
ท่าเอนตัวเหมาะสำหรับ
คุณแม่ที่คลอดธรรมชาติ และต้องการเอนพักหลังค่ะ
ท่าที่ 5 ท่านอน (Side Lying Position)
เป็นที่ค่อนข้างสบายทั้งคุณแม่และลูก โดยที่ทั้งคู่นอนตะแคงหันหน้าเข้าหากัน คุณแม่นอนศีรษะสูงขึ้นมาเล็กน้อย ให้หลังและสะโพกตรง ประคองลูกให้ปากลูกอยู่ตรงกับตำแหน่งของหัวนม มือที่อยู่ด้านล่างของคุณแม่ให้ยกขึ้นประคองตัวลูกให้ชิดกับตัวของคุณแม่ ซึ่งอาจใช้หมอนเล็ก ๆ หรือผ้าขนหนูมาม้วนเพื่อรองที่หลังของลูกแทนแขนคุณแม่ก็ได้ค่ะ ส่วนมือที่อยู่ด้านบนก็ประคองเต้านมไว้ในช่วงแรกที่เริ่มเอาหัวนมเข้าปากลูก หากลูกเริ่มดูดได้ดีแล้วก็สามารถขยับมือที่ประคองเต้านมออกได้
ท่านอนเหมาะสำหรับ
ท่านี้เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอด ไม่ต้องการให้เกิดการกดทับที่แผล และต้องการการเอนพักผ่อน รวมถึงเหมาะมากสำหรับการให้นมในช่วงกลางคืน
ท่าที่ 6 ท่าตั้งตรง (Upright or Standing Baby)
ท่านี้เป็นการอุ้มลูกให้อยู่ในท่าตั้งตรง ลูกน้อยจะนั่งคร่อมขาของคุณแม่ข้างหนึ่ง ศีรษะและลำตัวของลูกน้อยจะเอนเล็กน้อย ใช้มือข้างเดียวกันกับฝั่งที่ลูกนั่งประคองที่ต้นคอและท้ายทอยลูก ส่วนมืออีกข้างหนึ่งประคองที่เต้านม
ท่าตั้งตรงเหมาะสำหรับ
เหมาะมากกับเด็กที่มีปัญหาปากแหว่งเพดานโหว่ หรือมีแนวโน้มเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ หายใจไม่ออก รวมถึงเด็กที่มีอาการกรดไหลย้อน
Credit: thaichildcare.com
ท่าอุ้มเรอ หลังการให้นม
การอุ้มให้ลูกเรอเป็นสิ่งจะเป็นและสำคัญมาก ๆ คุณแม่ควรทำทุกครั้งหลังการให้นม เพื่อป้องกันไม่ใหลูกเกิดอาการท้องอืดค่ะ โดยท่าที่นิยมจะมีอยู่ 2 ท่าด้วยกัน ดังนี้
ท่าที่ 1 ท่าอุ้มเรอ เอาลูกพาดบ่า
ให้คุณแม่อุ้มลูกพาดบ่า โดยให้คางของลูกอยู่ที่บ่าของแม่ ใช้ฝ่ามือลูบหลัง ลูบขึ้นทางเดียว ทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ยินเสียงเรอของลูก
ท่าที่ 2 ท่าอุ้มเรอ เอาลูกนั่งตัก
อุ้มลูกโดยหันหน้าของลูกออกจากลำตัวของคุณแม่ โน้มตัวมาด้านหน้าเล็กน้อย ใช้มือประคองที่บริเวณใต้คางและลำคอของลูก มืออีกข้างหนึ่งลูบหลังโดยลูบขึ้นทางเดียวช้า ๆ ทำซ้ำจนได้ยินเสียงเรอของลูก
การอุ้มลูกเรอนั้นคุณแม่สามารถแบ่งทำทีละครึ่งได้นะคะ เช่น หากลูกกินนมมาได้สักระยะ พักครึ่งให้ลูกเรอ เพื่อเป็นการไล่ลมในท้องก่อน เมื่อลูกเรอลูกก็จะรู้สึกสบายท้องมากขึ้น แล้วค่อยกินนมต่อจนลูกอิ่มค่ะ
การเข้าเต้าที่ถูกต้อง ในระยะยาวคุณแม่จะไม่มีอาการเจ็บหัวนม หัวนมแตก หรือเต้านมอักเสบแต่อย่างใดค่ะ และเมื่อลูกน้อยอิ่มแล้วก็พาเขาอุ้มเรอ คราวนี้ล่ะ สบายตัวกันทั้งคุณแม่และลูกเลยทีเดียว
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- กระบวนการผลิตน้ำนม เป็นมาอย่างไร?
- วิธีให้ลูกเลิกเต้า ทำอย่างไรถึงจะนุ่มนวล ไม่ให้ลูกเสียใจ
- วิธีให้ลูกดูดเต้า เข้าเต้าอย่างถูกวิธี ฉบับแม่มือใหม่เทิร์นโปร