5 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ลูกเป็นภูมิแพ้รุนแรงตั้งแต่เด็ก
“โรคภูมิแพ้ในเด็ก” นับเป็นอีกหนึ่งโรคที่เด็ก ๆ มักเป็นกันมาก และจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น หากเด็ก ๆ ไม่ได้รับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างทันท่วงที และต่อเนื่อง โรคภูมิแพ้ในเด็กนี้จะอาการอะไรที่พอจะเป็นสัญญาณบอกได้ไหมว่าลูกจะมีอาการภูมิแพ้ รวมถึงมีปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้างที่จะส่งผลให้ลูกเป็นภูมิแพ้ที่รุนแรง วันนี้เราจะมาไล่เรียงกันค่ะ
ภูมิแพ้คืออะไร?
ภูมิแพ้ เกิดจากปฏิกิริยาภูมิคุ้มกันในร่างกายมีการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เข้าสู่ร่างกายมากผิดปกติ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังที่อวัยวะและส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ได้แก่ ผิวหนัง และเยื่อบุต่าง ๆ ในร่างกาย ได้แก่ เยื่อบุจมูก เยื่อบุตา เยื่อบุทางเดินหายใจ หรือเยื่อบุทางเดินอาหาร เป็นต้น
อาการโรคภูมิแพ้เบื้องต้น
ให้คุณพ่อคุณแม่สังเกตอาการลูกนะคะ ว่าถ้าลูกมีอาการเหล่านี้ เป็นไปได้ว่าลูกน้อยจะมีอาการของโรคภูมิแพ้
- จาม
- น้ำมูกไหล
- นอนกรน
- มีผื่นขึ้นตามตัว
- ขยี้ตาบ่อย
อาการทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ลูกจะเป็น ๆ หาย ๆ และค่อนข้างบ่อย ถ้าเป็นแบบนี้คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรนิ่งนอนใจแล้วค่ะ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าลูกอาจมีอาการของโรคภูมิแพ้ แนะนำว่าควรไปพบคุณหมอ เพื่อรับการวินิจฉัยและตรวจรักษาอย่างถูกวิธีต่อไปค่ะ
5 ปัจจัยเสี่ยงที่อาจให้ลูกเป็นภูมิแพ้รุนแรงตั้งแต่เด็ก
กรรมพันธ์ พ่อแม่เป็นภูมิแพ้อยู่ก่อน
หากสอบประวัติกันแล้ว มีคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นโรคภูมิแพ้อยู่ก่อน ลูกก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นได้ร้อยละ 20-40 และในกรณีที่เป็นโรคภูมิแพ้กันทั้งคู่ ลูกก็จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้ได้ถึงร้อยละ 50-80 เลยทีเดียว
“ถ้าแม่อยู่ในระยะที่ให้นมลูก ลูกจะเป็นโรคภูมิแพ้ด้วยไหม?”
โรคภูมิแพ้เป็นโรคที่มีความเสี่ยงทางกรรมพันธ์ ไม่สามารถติดต่อกันได้ผ่านการให้นม เพราะฉะนั้นคุณแม่ไม่ต้องกังวลเลยค่ะ สามารถให้นมลูกได้แน่นอน
ทั้งนี้ ในความเป็นจริงแล้ว “นมแม่” ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคภูมิแพ้ให้ลูกได้อีกด้วย เพราะในนมแม่จะมี “เวย์โปรตีนที่ผ่านการย่อยมาบางส่วน” เป็นมิตรกับกระเพาะอาหารของเด็กทารกเป็นอย่างมาก เนื่องจากน้ำย่อยของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ อีกอย่างคือ นมแม่ไม่ใช่โปรตีนแปลกปลอม จึงสามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคภูมิแพ้ได้นั่นเองค่ะ
ไรฝุ่น แมลงสาป และการเลี้ยงสัตว์
ไรฝุ่นและแมลงสาป 2 ส่วนนี้ คุณพ่อคุณแม่สามารถกำลัดออกได้ด้วยการหมั่นทำความสะอาดข้าวของเครื่องใช้อยู่เสมอ โดยเฉพาะหมอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ผ้านวม และชุดเครื่องนอนต่าง ๆ โดยในส่วนของชุดเครื่องนอนอย่างปลอกหมอนนั้น ให้ซักทำความสะอาดทุก ๆ สัปดาห์ ในส่วนของสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว เข้าใจว่าบางครอบครัวรักสัตว์ อยากเลี้ยง แต่สำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือเสี่ยงที่จะเป็นโรคภูมิแพ้นั้น อยากให้พิจารณาให้รอบคอบก่อนตัดสินใจนะคะ เนื่องจากขนสัตว์นั้นมีน้ำลายของสัตว์ มีเชื้อโรคอยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะขนสัตว์อาจทำให้ลูกเป็นโรคหอบ หืดได้อีกด้วยค่ะ
มลภาวะทางอากาศ
ได้แก่ ควันพิษจากโรงงาน ท่อไอเสีย และการเผา เป็นต้น เป็นเรื่องที่เราหลีกเลี่ยงได้ยาก โดยเฉพาะข่าวมลภาวะ PM 2.5 เมื่อเราอยู่ท่ามกลางมลภาวะเช่นนี้ สิ่งที่เราทำได้คือ ต้องป้องกันตัวเองให้ได้มากที่สุด เพราะควันต่าง ๆ เหล่านี้ เมื่อเข้าไปสะสมในร่างกาย จะก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ตามมาได้อีกมากมาย
สำหรับเด็กที่อายุยิ่งน้อย ยิ่งมีโอกาสป่วยได้มากกว่าผู้ใหญ่ เพราะปอดและระบบภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ในร่างกายยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ หากได้รับควันพิษในปริมาณมาก และเป็นระยะเวลานาน จะส่งผลต่อการกระตุ้นให้เกิดโรคภูมิแพ้ หอบ หืด รวมถึงโรคในระบบทางเดินหายใจตามมา
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรพาลูกไปทำกิจกรรมนอกบ้านหากยังมีมลพิษทางอากาศนะคะ หรือหาจำเป็นจริง ๆ ก็ควรสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็กจะเข้าสู่ร่างกายค่ะ
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
10 อันดับ หน้ากากอนามัย ยี่ห้อไหนดี ล่าสุด ปี 2022
ควันบุหรี่มือสอง
ควันบุหรีมือสองก็คือ ครอบครัวที่มีผู้ใหญ่สูบบุหรี่ เพราะควันบุหรี่
นอกจากจะให้โทษแก่ผู้สูบเองแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่อยู่รอบข้างอีกด้วย โดยเฉพาะกับเด็ก ควันบุหรี่นอกจากจะมีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งแล้ว ยังมีสารที่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยระบุว่า ผู้ที่อยู่รอบข้างจะได้รับสารพิษจากควันพิษมือสองของบุหรี่มากกว่าถึง 3-40 เท่า
โปรตีนจากการดื่มนมจากสัตว์
ในนมวัวมีโปรตีนที่ชื่อว่า เบต้า-แลคโตโกลบูลิน (Beta lactoglobulin) เป็นโปรตีนที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ในเด็กและเป็นโปรตีนขนาดใหญ่ ในขณะที่ระบบการย่อยของเด็กยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่จึงไม่สามารถย่อยโปรตีนขนาดใหญ่ดังกล่าวได้ ทำให้เกิดการตกค้างในลำไส้กลายเป็นสารก่อให้เกิดภูมิแพ้
ปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่ามีโรคต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมายหลายชนิดที่เราไม่รู้จัก ทางที่ดี คุณพ่อคุณแม่ควรหมั่นสังเกตอาการของลูกน้อยนะคะ ว่ามีอะไรผิดปกติไปหรือเปล่า เช่น เริ่มมีการจาม ไอ หรือเริ่มมีน้ำมุูก คือถ้านับเรื่องของความสบายใจ แนะนำว่าปรึกษาแพทย์ดีที่สุดค่ะ อย่างน้อยหากลุกน้อยไม่สบาย ก็ยังจะได้รับการรักษาได้อย่างทันท่วงที ดีกว่าปล่อยไว้นาน ๆ แล้ว มีอาการเรื้อรังนะคะ
อ้างอิง