ชุดชั้นในคนท้อง เลือกอย่างไรให้เหมาะกับรูปร่าง
คุณแม่ตั้งครรภ์จะมีการเปลี่ยนแปลงของร่ายกายหลายอย่างจากฮอร์โมนการตั้งครรภ์ หนึ่งในนั้นคือหน้าอกของคุณแม่จะขยายใหญ่ขึ้น และมีสะโพกที่ผายออก เป็นเหตุผลให้ต้องมองหาชุดชั้นในตัวใหม่มาทดแทนตัวเก่า ที่หากสังเกตจะเริ่มเห็นรอยกดทับของชุดชั้นในบนผิวหลังจากที่ถอดชุดออก เมื่ออายุครรภ์เริ่มเข้าสัปดาห์ที่ 6 และจะมีการเปลี่ยนแปลงของเต้านมมากที่สุดอย่างเห็นได้ชัดอีกครั้งประมาณสัปดาห์ที่ 16 หรือไตรมาสที่ 2 ของการตั้งครรภ์ ดังนั้นคุณแม่จึงควรเลือกซื้อชุดชั้นในให้เหมาะกับรูปร่างในแต่ละช่วงของการเปลี่ยนแปลง จะได้ไม่รู้สึกอึดอัด สวมใส่สบาย และไม่ก่อให้เกิดอาการกรดไหลย้อนในคนท้องด้วยค่ะ
ชุดชั้นในของคนท้อง – เสื้อชั้นใน
ปัจจุบันชุดชั้นในคนท้องมีหลายแบบ สามารถแบ่งประเภทตามการออกแบบเพื่อใช้งานได้ดังนี้ค่ะ
เสื้อชั้นในคนท้อง
ควรมีคุณสมบัติที่แตกต่างจากเสื้อชั้นในคนทั่วไป คือ
ทำจากเนื้อผ้าที่สวมใส่สบาย
ระบายอากาศได้ดี ทำให้คุณแม่ไม่รู้สึกอึดอัด ระคายเคืองเมื่อสวมใส่
ปลายของทรงเต้าควรเป็นทรงแหลม
เพื่อเลี่ยงไม่ให้มีการกดทับบริเวณหัวนม เพราะเต้านมของคนท้องมีความอ่อนไหวมาก
มีสายบ่าที่กว้าง
ยกทรงควรมีสายบ่าที่กว้างกว่าปกติเพื่อจะได้ช่วยกระจายน้ำหนักที่กดลงบนไหล่ได้
มีตะขอปรับระดับ
ยกทรงควรมีตะขอที่ปรับได้หลายระดับ เพราะเต้านมคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดระยะเวลาระยะการตั้งครรภ์ จนถึงช่วงระยะให้นมและช่วงหย่านม
เสื้อชั้นในให้นม
ควรมีลักษณะดังนี้
เปิดบริเวณเต้านมได้
เพื่อสะดวกในการให้นมบุตรเมื่อทารกคลอดออกมาแล้ว การออกแบบเสื้อชั้นในที่เปิดเต้านั้นมีหลายรูปแบบคุณแม่สามารถเลือกได้ตามความชอบและถนัด
ไม่มีโครง
เพราะโครงอาจไปกดทับท่อน้ำนมให้เกิดการเจ็บและอักเสบได้
มีฐานของยกทรงที่กว้าง
เพื่อรองรับการขยายตัวของเต้านมในตอนท้องและช่วงให้นมบุตร
มีฐานของยกทรงที่กว้าง
ใส่แผ่นซับน้ำนมได้ เพราะหลังคลอดบุตร และให้นมบุตรคุณแม่อาจมีน้ำนมส่วนเกินที่ไหลล้นตลอดเวลา
ชุดชั้นในของคนท้อง – กางเกงชั้นใน
สำหรับกางเกงชั้นใน สามารถแบ่งออกได้ ดังนี้
แบบเอวสูง ( Over the Bump )
เป็นกางเกงชั้นในที่ขอบเอวคลุมเหนือท้องคุณแม่ สามารถช่วยพยุงท้องของคุณแม่ ทำให้ท้องรู้สึกโล่ง และป้องกันท้องจากการเสียดสีได้อีกด้วย
แบบเอวต่ำ ( Under the Bump )
เป็นกางเกงชั้นในที่ขอบเอวอยู่ใต้ท้องของคุณแม่ เหมาะสำหรับคุณแม่ที่อยากใส่สไตล์บิกินี่ และไม่ต้องการให้เกิดการกดทับบริเวณหน้าท้อง เพราะอาจรู้สึกว่าไปทำให้รู้สึกระคายเคืองผิว
เมื่อไหร่ที่ควรปรับเปลี่ยนเสื้อชั้นใน
ตลอดระยะเวลาการตั้งครรภ์ ระยะหลังคลอด และระยะให้นมบุตร คุณแม่อาจต้องทำการปรับขนาดของเสื้อชั้นในอย่างน้อย 2 ครั้งค่ะ
ครั้งแรก
เมื่ออายุครรภ์เข้าไตรมาสที่ 2 เต้านม และซี่โครงของคุณแม่จะมีการขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็วและเห็นได้ชัด ทำให้ชุดชั้นในแบบเดิมที่สวมใส่เริ่มรู้สึกอึดอัด กดทับรอบอก และช่วงไหล่มากเกินไป
ครั้งที่ 2
ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ และช่วงให้นมบุตรช่วงแรก เต้านมของคุณแม่จะเริ่มทำการผลิตน้ำนมเพื่อเตรียมไว้สำหรับลูกน้อยที่กำลังจะคลอดออกมา ทำให้เต้านมของคุณแม่คัดตึงอีกครั้ง
วิธีเลือกชุดชั้นในคนท้อง – เสื้อชั้นใน
การวัดขนาดเสื้อชั้นในจะใช้การวัดหน่วยเป็นเซนติเมตร หรือนิ้ว แต่ของประเทศไทยมักจะใช้การวัดขนาดเป็นเซนติเมตรเป็นหลัก เพื่อหา ขนาดของคัพ คือ A, B, C, D, E โดยเรียงจากขนาดหน้าอกเล็กไปใหญ่ตามลำดับ และขนาดของรอบอก มีสูตรการคำนวณ ดังนี้
ขนาดคัพ = ผลต่างของรอบอก – รอบใต้อก
ขนาดหน้าอก = ผลที่ได้จากการวัดรอบใต้อก
เมื่อคุณแม่วัดขนาดของคัพและรอบอกได้แล้ว ก็จะทำให้สามารถเลือกซื้อเสื้อชั้นในให้เหมาะกับรูปร่าง และช่วงที่ต้องเปลี่ยนชุดชั้นในตามที่กล่าวไว้ข้างบนได้แล้วค่ะ
วิธีการเลือกชุดชั้นใน ครั้งที่ 1
ตามหลักการทั่วไปมักจะเพิ่มขนาดคัพขึ้นหนึ่งคัพและเพิ่มขนาดรอบอกขึ้นหนึ่งขนาด โดยเทียบจากชุดชั้นในตัวเดิมของคุณแม่ก่อนที่จะตั้งครรภ์ ดังนั้น ถ้าปกติคุณแม่ใส่เสื้อชั้นใน 32C ให้ลองปรับไปที่ 34D
ชุดชั้นในที่เปลี่ยนใหม่นี้เมื่อคุณแม่ลองใส่ตะขอในสุดจะต้องรู้สึกกระชับสบายเมื่อสวมใส่ และต้องยังเหลือพื้นที่ตะขอให้คุณแม่สามารถปรับขนาดให้พอดีเมื่ออายุครรภ์มากขึ้นค่ะ
วิธีการเลือกชุดชั้นใน ครั้งที่ 2
มักจะเพิ่มขนาดคัพ 1 คัพ และลดขนาดรอบอกลง 1 ขนาด โดยเทียบจากชุดชั้นในที่เปลี่ยนก่อนหน้า ดังนั้น หากคุณแม่สวมเสื้อชั้นใน 34D เมื่อสัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์ใกล้เข้ามา คุณแม่ควรลองปรับชุดชั้นในเป็น 32E และเลือกชุดชั้นในเป็นแบบชุดชั้นในให้นม
ชุดชั้นในที่เปลี่ยนครั้งนี้เพื่อให้คุณแม่รู้สึกสวมใส่สบายเมื่อปรับตะขอเกือบอันสุดท้ายตอนที่เต้านมขยายใหญ่เพราะเตรียมผลิตน้ำนมจนคัดตึง และสามารถที่จะปรับตะขอให้แน่นขึ้นได้อีกเมื่อรูปร่างของคุณแม่เริ่มจะกลับสู่สภาวะปกติหลังจากคลอดบุตรได้ด้วยค่ะ
วิธีเลือกชุดชั้นในคนท้อง – กางเกงชั้นใน
ด้วยน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงของคุณแม่อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวได้ง่าย คุณแม่จึงควรเลือกกางเกงชั้นในที่ระบายอากาศได้ดี สวมใส่แล้วรู้สึกสบายทั้งตอนนั่ง และตอนลุกเดิน และเมื่อเข้าสู่สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์คุณแม่ควรเลือกสวมใส่กางเกงชั้นในสีอ่อนเพื่อจะได้สังเกตมูกเลือดที่เป็นอาการของคนใกล้คลอดได้ง่ายขึ้นค่ะ
ตอนที่แม่กิฟท์ท้องรู้สึกว่าตัวเองมักจะเหงื่อออกเยอะ ผิวระคายเคืองง่ายขึ้น และรู้สึกไม่สบายตัวได้ง่าย ดังนั้นชุดชั้นในที่อยู่ติดกับผิวของเราจึงจำเป็นมากที่จะต้องใส่สบาย ไม่เพิ่มความอึดอัดให้เรา หากคุณแม่ที่ตั้งครรภ์กำลังมองหาชุดชั้นในใหม่ก็อยากให้ซื้อไปลองแบบที่ตัวเองชอบอย่างละชุดก่อนนะคะ หากใส่ตลอดทั้งวันแล้วรู้สึกใส่สบายค่อยมาซื้อซ้ำ ก็น่าจะเป็นวิธีที่ประหยัดได้ในยุคนี้ค่ะ