ความฉลาดทั้ง 11 ด้าน หรือ 11 Quotients พ่อแม่ควรรู้ เด็กควรมี พร้อมเว็บทดสอบ IQ
“ความฉลาดทั้ง 11 ด้าน” หรือที่คุณพ่อคุณแม่คงคุ้นเคยกันดี เช่น ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ Emotional Quotient, ความฉลาดทางสติปัญญา หรือ Intelligence Quotient ซึ่งความจริงแล้วยังมีออีกหลาย Quotient เลยค่ะ ที่แม่โน้ตอยากนำมาให้คุณพ่อคุณแม่ได้รู้จักกัน แต่ไม่ใช่ให้ปลูกฝังลูกในทุก ๆ Quotient ในคราวเดียวนะคะ เพราะจะพลอยทำให้เครียดกันไปทั้งบ้าน ซึ่งการปลูกฝังลูกใน Quotient ต่าง ๆ สามารถเริ่มปลูกฝังได้ตั้งแต่แรกเกิดเลยทีเดียว
IQ คือ
สำหรับคำว่า “IQ” นี้ คุณพ่อคุณแม่คงคุ้นเคยกันดี ซึ่งก็คือ Intelligence Quotient หรือ ความฉลาดทางสติปัญญา นั่นเอง วัดได้จากการนำอายุสมองมาเทียบกับอายุจริง ซึ่งสิ่งที่มีผลต่อ IQ คือ
- กรรมพันธุ์ 50%
- เกิดจากการเรียนรู้ผ่านสิ่งแวดล้อมภายนอก 50%
โดยทั่วไปแล้วความฉลาดทางสติปัญญาของคนปกติจะอยู่ที่ 90 – 110 โดยประมาณ ซึ่งตารางด้านล่างนี้เป็นตารางเปรียบเทียบความฉลาดทางสติปัญญาหากลูกของคุณพ่อคุณแม่จะเข้ารับการวัดด้าน IQ ค่ะ
130 ขึ้นไป | ฉลาดมาก |
---|---|
120-129 | ฉลาด |
110-119 | สูงกว่าปกติ |
90-109 | ปกติ |
80-89 | ต่ำกว่าปกติ |
70-79 | คาบเส้น |
ต่ำกว่า 70 | ปัญญาอ่อน |
5 เว็บไซต์ทดสอบ IQ
dk
เว็บไซต์นี้จะเน้นไปในเรื่องของความจำ และตรรกะ โดยที่ผู้ทำการทดสอบจะต้องตอบคำถาม 39 ข้อภายในเวลา 40 นาที เว็บไซต์เรียกได้ว่าค่อนข้างได้รับความนิยมค่อนข้างมากทีเดียวค่ะ โดยมีผู้ทำการทดสอบกว่า 7 ล้านคน ที่สำคัญ เขามีใบรับรองการทดสอบให้อีกด้วยค่ะ
Link : TestIQ.dk
Psychtests
ในเว็บไซต์นี้มีคำถามทั้งหมด 57 ข้อ ผู้ที่ทำการทดสอบต้องทำให้เสร็จภายในระยะเวลา 30 นาที แบบทดสอบของเว็บไซต์นี้มีตั้งแต่เรื่องของคณิตศาสตร์ ภาษา การหาความสัมพันธ์ของพื้นที่ และการใช้เหตุผลเชิงตรรกะ
Link : Psychtests
Funeducation
เว็บไซต์นี้มีคำถามทั้งหมด 43 ข้อ ไม่จำกัดเวลาค่ะ คำถามจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวิเคราะห์ ทักษะในการคำณวน ที่สำคัญ เขาไม่อนุญาตให้กลับไปแก้ไขคำตอบที่ตอบไปแล้วก่อนหน้า สำหรับบางแบบทดสอบอาจมีค่าใช้จ่าย
Link : Funeducation
International IQ Test
แบบทดสอบนี้มี 40 คำถาม เป็นภาษาไทยค่ะ ทดสอบความรู้ในหลากหลายแนว ได้แก่ ความเข้าใจเกี่ยวกับรูปแบบ ความคิด การใช้ตรรกะและเหตุผลต่าง ๆ
Link : International IQ Test
123 Test
เว็บไซต์มีมีการทดสอบในหลายรูปแบบ เช่น แบบรายบุคคล แบบรายกลุ่ม แบบทดสอบบุคลิกภาพ แบบทดสอบ IQ พื้นฐาน ซึ่งจะมีด้วยกัน 10 คำถาม 10 รูปแบบให้ได้เลือกค่ะ
Link : 123test
EQ คือ
คำนี้คุณพ่อคุณแม่หลาย ๆ คนก็คงคุ้นหูเช่นกัน EQ (Emotional Quotient) หรือ ความฉลาดทางอารมณ์ ข้อนี้ความหมายคือ การที่ตัวเองมีความเข้าใจอารมณ์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี มีสติรู้เท่าทันอารมณ์ตัวเอง มีความมั่นคงทางอารมณ์ รู้จักการควบคุมและจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ดี รวมไปถึงสามารถควบคุมการแสดงออกให้ถูกต้องกาลเทศะได้อีกด้วย สามารถปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้ดีและเหมาะสม ในปัจจุบันเราจะพบว่า คนที่มี EQ สูง จะมีโอกาสในการประสบความสำเร็จทั้งในด้านการงาน และการใช้ชีวิตมากกว่าผู้ที่มีแต่ IQ สูง หรือจะพูดให้เข้าใจกันง่าย ๆ ก็คือ บางคนเรียนเก่ง แต่ไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ และการแสดงออกของตัวเองได้ แบบนี้อาจทำให้การใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคมค่อนข้างลำบาก และประสบความสำเร็จได้ยาก
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
การกอดลูกช่วยสร้าง EQ และการเห็นคุณค่าในตัวเองให้ลูกได้
MQ คือ
MQ (Moral Quotient) หรือ ความฉลาดทางศีลธรรม จริยธรรม หรือจะเรียกง่าย ๆ ว่า การมีความประพฤติที่ดี มีความรับผิดชอบ มีความซื่อสัตย์ มีจริยธรรม MQ จะเน้นไปในเรื่องของการปลูกฝังความดีงามในจิตใจ ที่สอดคล้องไปกับหลักศาสนาที่เน้นให้คนเป็นคนดีนั่นเอง
Dr. Robert Coles จิตแพทย์จากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดได้กล่าวไว้ว่า
การที่เด็กหรือบุคคลหนึ่งจะเติบโตมามี MQ ที่ดีได้ต้องอาศัยปัจจัย 3 อย่างด้วยกัน คือ
- การอบรมสั่งสอนด้านศีลธรรมให้กับเด็กโดยตรง
- ผู้ใหญ่เป็นต้นแบบที่ดีให้กับเด็ก
- ความรัก และการทำให้เด็กเห็นเป็นประจำ
๑. การสอนศีลธรรมโดยตรงให้กับเด็ก
๒. การถ่ายทอดทางศีลธรรมจากผู้ใหญ่ให้กับเด็ก
๓. ความรักและวินัย
อ้างอิง medinfo.psu.ac.th
SQ คือ
SQ (Social Quotient) หรือ ความฉลาดทางสังคม เป็นความฉลาดเกี่ยวกับการปรับตัวในการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม เพราะมนุษย์เป็นสัตว์สังคม ไม่สามารถอาศัยอยู่คนเดียวได้ เราต้องมีการพึ่งพากันและกัน มีน้ำใจต่อกัน เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจ ไม่ควรมีความคิดว่าเราอยู่เหนือใคร ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ไม่เบียดเบียนกัน
CQ คือ
CQ (Creativity Quotient) หรือ ความฉลาดด้านความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ มีจินตนาการ รวมไปถึงการมีแนวคิดในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ซึ่งอาจเกิดได้จากการนำความรู้เก่า ๆ มาผสมผสานเข้ากับสิ่งใหม่ ๆ ก็ได้ค่ะ ไม่จำกัดด้าน เช่น ลุงคนหนึ่งจบการศึกษาในระดับชั้น ป.4 แต่สามารถสร้างระบบรดน้ำอัตโนมัติ ตั้งเวลาเปิดปิดได้ เป็นต้น แบบนี้ก็ถือว่ามี CQ ได้ค่ะ
PQ คือ
PQ (Play Quotient) หรือ ความฉลาดที่เกิดจากการเล่น เพราะการเล่นสามารถสร้างทักษะและพัฒนาการให้เด็กได้ในหลาย ๆ ด้าน เริ่มตั้งแต่พัฒนาการด้านร่างกาย ความคิดสร้างสรรค์ พัฒนาการด้านอารมณ์ รวมถึงพัฒนาการด้านการเข้าสังคม ความฉลาดที่เกิดจากการเล่นเริ่มได้ง่าย ๆ ด้วยการที่ “พ่อแม่เป็นอุปกรณ์การเล่นที่ดีของลูก” อย่าลืมใช้เวลาคุณภาพกับลูกให้มาก ๆ นะคะ
AQ คือ
AQ (Adversity Quotient) หรือ ความฉลาดในการแก้ไขปัญหา เรียกได้ว่าเด็กที่จะมี AQ นั้นต้องมีพื้นฐานความคิดที่ว่า “ปัญหาและอุปสรรค คือ ความท้าทาย ไม่ใช่สิ่งที่ต้องยอมจำนน” มาก่อนค่ะ เพราะความฉลาดในการแก้ไขปัญหานั้นต้องอาศัยการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ เข้าใจสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความยืดหยุ่นต่อสถานการณ์ต่าง ๆ มีความพยายามไม่ย่อท้อ ซึ่งข้อนี้ เด็กจะมีความฉลาดในการแก้ไขปัญหามากหรือน้อยแค่ไหน ขึ้นอยู่กับคุณพ่อคุณแม่ค่ะว่าเป็นต้นแบบให้ลูกได้ดีแค่ไหน แล้วตามมาด้วยการอธิบาย การสอนให้ลูกได้ฝึกปัญหาด้วยตัวเอง
HQ คือ
HQ (Health Quotient) หรือ ความฉลาดในการดูแลสุขภาพ คือเด็กมีความสามารถในการดูแลสุขภาพของตัวเองให้แข็งแรง ไม่เจ็บป่วยง่าย รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดีต่อสุขภาพของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นจากเรื่องของการออกกำลังกาย หรืออาหารการกินที่ถูกสุขลักษณะ และโภชนาการ เรียกได้ว่าไม่ได้เลือกกินแต่อาหารที่ตัวเองชอบอย่างเดียว ซึ่งควรปลูกฝังลูกตั้งแต่เล็ก ๆ เช่นกัน
OQ คือ
OQ (Optimist Quotient) หรือ ความฉลาดในการคิดบวก มองโลกในแง่ดี เป็นความฉลาดอีกเรื่องหนึ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรปลูกฝังตั้งแต่เล็ก ๆ เป็นความฉลาดที่เกี่ยวกับการคิดดี พูดดี ทำดี มีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น รู้จักช่วยเหลือผู้อื่นตามกำลัง ส่งเสริมให้กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง
การคิดบวก มองโลกในแง่ดี ไม่ได้หมายความว่า ในวันที่เจอกับเรื่องร้าย ๆ แล้วเรากล่อมตัวเองว่าเรื่องนี้ดี แต่มันคือการมองหาเรื่องดี ๆ ในเรื่องร้าย ๆ นั้นต่างหาก แล้วอยู่กับมันให้ได้ เพราะไม่มีใครที่จะเจอกับความทุกข์ทุกวัน และไม่มีใครที่เจอกับความสุขทุกวันเช่นกัน
TQ คือ
TQ (Thinking Quotient) หรือ ความฉลาดทางความคิด เป็นความคิดที่ก่อให้เกิดประโยชน์ มีความสามารถในการนำแนวคิดต่าง ๆ ที่ดีไปทำให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมได้จริง รวมไปถึงการมีความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การประยุกต์ และการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
NQ คือ
NQ (Natural Quotient) หรือก็คือการเลี้ยงเด็กให้เติบโตไปตามธรรมชาติ ไม่กดดันเด็ก ไม่เร่งให้เด็กเติบโตเกินวัย ส่งเสริมและกระตุ้นพัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกให้เติบโตไปได้อย่างเต็มศักยภาพของเด็กเอง
พญ.สุธิรา ริ้วเหลือง จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ ได้กล่าวไว้ว่าการเลี้ยงลูกให้เติบโตไปตามธรรมชาตินั้น ต้องอาศัย 3 ปัจจัย ด้วยกัน ดังนี้
Natural Shine
คือ การเข้าใจพฤติกรรม นิสัยของลูก พร้อมกับเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการอมรมสั่งสอนให้เหมาะสม ซึ่งถ้าหากลูกมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม คุณพ่อคุณแม่เองก็ต้องมีวิธีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เข้าได้กับธรรมชาติที่เด็กเป็นได้เช่นกัน
Natural Parent
คือ ธรรมชาติของคุณพ่อคุณแม่เอง ที่ควรปรับมุมมอง และทัศนคติในการเลี้ยงลูกให้ตรงกัน เพื่อการเลี้ยงลูกที่ไปในทิศทางเดียวกัน ลูกจะไม่สับสน
Natural Emolument
คือ ธรรมชาติของรายได้ ถ้าหากรายได้ของครอบครัวมีอย่างจำกัด การเลี้ยงลูกจึงต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับธรรมชาติของรายได้ค่ะ เช่น การนำใบไม้มาดัดแปลงทำเป็นงานศิลปะเป็นกิจกรรมที่ทำร่วมกันได้ทั้งครอบครัว เป็นต้น ก็เป็นการเสริมสร้างพัฒนาการลูกได้ตามธรรามชาติของรายได้อีกทางหนึ่ง
1. Natural Shine ธรรมชาติของลูก พฤติกรรม นิสัย พร้อมกับทำความเข้าใจในสิ่งที่เด็กเป็น เพื่อปรับการเลี้ยงดูให้เป็นไปในทิศทางที่เหมาะสม หากมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมพ่อแม่ต้องมีวิธีในการปรับเปลี่ยน ที่เข้ากับธรรมชาติของเด็กแต่ละคนซึ่งไม่เหมือนกัน
2. Natural parent ธรรมชาติของพ่อแม่ ต้องปรับทัศนคติในการเลี้ยงลูกให้ตรงกัน และมีแนวทางที่ตรงกัน
3. Natural emoluments ธรรมชาติของรายได้ การเลี้ยงลูกตามธรรมชาติอย่างเหมาะสมกับรายได้ของครอบครัวและความพอเพียง โดยอาจจะนำธรรมชาติที่อยู่รอบตัวมาสร้างสรรค์เป็นของเล่นส่งเสริมพัฒนาการให้ลูกได้
อ้างอิง mgronline.com
จาก 11 Quotients ที่แม่โน้ตกล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นอะไรที่ค่อย ๆ ปลูกฝังเด็กนะคะ ยกตัวอย่างเรื่อง EQ (Emotional Quotient) สามารถฝึกลูกได้ตั้งแต่อายุ 6 เดือนค่ะ เช่น เมื่อลูกน้อยร้องไห้ เพราะหิวนม แต่คุณแม่กำลังอาบน้ำอยู่ ให้คุณแม่ส่งเสียงบอกกับลูกอย่างอ่อนโยนว่าขณะนั้นคุณแม่กำลังทำอะไรอยู่ บอกให้ลูกรอนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่าลูกน้อยจะไม่เข้าใจในความหมายที่คุณแม่พูด แต่ด้วยเสียง และน้ำเสียงของคุณแม่จะทำให้ลูกได้รู้ว่า “อ่อ…คุณแม่ไม่ได้ไปไหนไกล ยังอยู่แถวนี้” เป็นต้นค่ะ