5 สารอาหารบำรุงสมอง เสริม IQ ให้ลูกน้อย
เชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกคนอยากให้ลูกๆ เป็นเด็กฉลาด ทั้งด้านทักษะไหวพริบ ความรู้ และความฉลาดทางด้านอารมณ์ (EQ – Emotional Quotient) นอกจากวิธีการกระตุ้นพัฒนาการของลูกแล้ว “ให้ลูกกินอะไร ถึงจะฉลาด?” เป็นคำถามยอดฮิตที่คุณพ่อคุณแม่สงสัย เพราะเรื่องโภชนาการอาหารการกินสำหรับลูกๆ มีผลต่อพัฒนาการทางด้านสมองและสติปัญญา
ดังนั้น การเลือกอาหารดูแลเรื่องโภชนาการให้เหมาะสมกับวัยของลูกน้อยจึงมีส่วนช่วยในการส่งเสริมพัฒนาการทางด้านปัญญาหรือ IQ ให้ลูกๆ ได้ มาทำความรู้จัก 5 สารอาหารบำรุงสมองให้ลูกน้อยมีสติปัญญาดีสมวัยไปพร้อมกันค่ะ
IQ คืออะไร?
Intelligence Quotient หรือ ไอคิว (IQ) คือ ความฉลาดทางสติปัญญา เป็นตัวเลขแสดงระดับเชาวน์ปัญญาหรือความสามารถในการเรียนรู้ คิดวิเคราะห์ แยกแยะ สร้างความคิดรวบยอด และจดจำข้อมูลต่างๆ สามารถวัดจากอายุสมองเทียบกับอายุจริง ซึ่งคนปกติจะอยู่ที่ 90-110 โดยเป็นการวัดความสามารถทางการคิดวิเคราะห์ ความสามารถทางวิชาการ ความจำ การอ่านเขียน
ซึ่งการพัฒนา IQ นั้นเป็นสิ่งที่แต่ละคนมีติดตัวมาแต่กำเนิดและพัฒนาสมบูรณ์ยิ่งขึ้นตามระดับอายุและสิ่งแวดล้อม ระดับ IQ ของแต่ละคนจะมีลักษณะที่สูงต่ำไม่เท่ากัน ซึ่งขึ้นอยู่กับองค์ประกอบ หลายอย่าง เช่น พันธุ์กรรม สิ่งแวดล้อม ความสมบูรณ์ของสมองและระบบประสาท อายุ เพศ เชื้อชาติ รวมไปถึงการรับประทานอาหาร เป็นต้น ดังนั้นการเลือกอาหารที่ดีจึงมีส่วนช่วยส่งเสริม IQ ให้ลูกได้
5 สารอาหารบำรุงสมองลูก เสริม IQ
การเลือกดูแลเรื่องโภชนาการเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาระบบการทำงานของสมองและสติปัญญาของลูกน้อย หากต้องการให้ลูกๆ สมองดี ฉลาด มีสติปัญญาแหลมคม ไหวพริบดี 5 สารอาหารบำรุงสมองเหล่านี้อาจมีส่วนช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบประสาทและสมองของลูกน้อยให้ทำงานได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพได้
DHA (Docosahexaenoic Acid) และ ARA (Arachidonic acid)
DHA และ ARA เป็นกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวซึ่งจำเป็นต่อพัฒนาการทางสมองและสติปัญญาของเด็ก DHA เป็น กรดไขมันกลุ่มโอเมก้า 3 มีบทบาทสำคัญต่อโครงสร้างและการทำงานของสมอง รวมทั้งระบบประสาท เกี่ยวกับการพัฒนาการเรียนรู้ และจอประสาทตา
อีกทั้งเสริมสร้างการเชื่อมต่อของโครงข่ายใยประสาทของเซลล์สมอง ส่วน ARA คือกรดไขมันในตระกูลโอเมก้า 6 มีส่วนช่วยในเรื่องของการพัฒนาสมอง การเสริมสร้างเซลล์ประสาทและบำรุงสายตา ทั้ง DHA และ ARA กรดไขมันทั้งสองตัวนี้มีอยู่ในนมแม่อยู่แล้ว นอกจากในน้ำนมแม่เรายังสามารถพบสารอาหารสำคัญเหล่านี้จากแหล่งอาหารอื่นเช่น ปลาทะเล อะโวคาโด ไข่แดง และธัญพืช เป็นต้น
วิตามินบี 12 (Vitamin B12)
วิตามินบี 12 (Vitamin B12) หรือโคบาลามิน (Cobalamin) ช่วยเสริมการทำงานของไมอีลิน (Myelin) ซึ่งเป็นสารคล้ายไขมันที่ทำหน้าที่เป็นเยื่อหุ้มเซลล์สมอง ปกป้องระบบประสาท และกระตุ้นการสื่อสารระหว่างสมองและอวัยวะส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย มีและบทบาทสำคัญในการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง นอกจากนี้วิตามินบี 12 ยังจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและการสร้างระบบประสาทของทารกในครรภ์อีกด้วย วิตามินบี12 สามารถพบได้ในอาหารทะเล ตับ ชีส นม และไข่ เป็นต้น
ธาตุเหล็ก (Iron)
ธาตุเหล็ก เป็นแร่ธาตุสำคัญต่อการสร้าง “ฮีโมโกลบิน” ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของเม็ดเลือดแดง ที่ทำหน้าที่ในการขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก เส้นประสาท สมอง และระบบภูมิคุ้มกัน เป็นต้น และเป็นส่วนประกอบของเอนไซม์หลายชนิดในร่างกาย ดังนั้นเด็กๆ ที่ขาดธาตุเหล็กอาจส่งผลต่อระบบประสาทและสมอง รวมไปถึงการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันอีกด้วย ธาตุเหล็กพบได้ในตับ เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว และธัญพืช เป็นต้น
กรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino Acid)
กรดอะมิโนเป็นหน่วยย่อยของโปรตีนแบ่งเป็น 2 ชนิดได้แก่ กรดอะมิโนไม่จำเป็น (Non Essential Amino Acid) คือกรดอะมิโนที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย ไม่จําเป็นต้องได้รับจากอาหารมีราว 20 ชนิด และกรดอะมิโนจำเป็น (Essential Amino Acid) ซึ่งร่างกายสร้างไม่ได้มีอยู่ 9 ชนิดจำเป็นต้องรับจากการรับประทานอาหาร ใน 9 ชนิดนี้สำคัญต่อสมองได้แก่
- ทริปโตเฟน (Tryptophan) มีส่วนเสริมสร้างคุณภาพในการนอนหลับอย่างเป็นธรรมชาติ
- ทรีโอนีน (Threonine) ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย สู้เชื้อโรคและช่วยเผาผลาญไขมัน
- ฟีนิลอะลานีน (Phenylalanine) เพิ่มความตื่นตัว และสร้างความทรงจำในสมอง
- เมไธโอนีน (Methionine) เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และช่วยสลายไขมัน
- ลิวซีน (Leucine) ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง เพิ่มพลังกล้ามเนื้อ ช่วยให้เซลล์ประสาทแข็งแรงขึ้น
- ไลซีน (Lysine) ช่วยเสริมสมาธิ ทำให้กระดูกแข็งแรง
- วาลีน (Valine) กระตุ้นการทำงานสมอง ทำให้กล้ามเนื้อประสานกันได้ดี
- ไอโซลิวซีน (Isoleucine) เสริมสร้างการเจริญเติบโตของระบบประสาท เตรียมพร้อมสมองต่อพัฒนาการเรียนรู้
- ฮิสทิดีน (Histidine) จำเป็นต่อการเจริญเติบโตในเด็ก ช่วยการทำงานของระบบประสาท ป้องกันภาวะพัฒนาการช้า
ไอโอดีน (Iodine)
ไอโอดีนเป็นแร่ธาตุที่มีความจำเป็นต่อร่างกายในการสร้างฮอร์โมนไทรอยด์ ทำหน้าที่ควบคุมส่วนต่างๆของร่างกาย อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการเจริญและเติบโตของระบบประสาทและสมอง ดังนั้น ไอโอดีนจำเป็นต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็กทารกตั้งแต่ช่วงอยู่ในครรภ์มารดา ไอโอดีนจำเป็นมากต่อพัฒนาสมองของเด็กเพื่อช่วยในการสร้างระบบประสาทและเซลล์สมอง ช่วยลดปัญหาปัญญาทึบ เรียนรู้ช้า คุณแม่ตั้งครรภ์ที่ได้รับไอโอดีนไม่เพียงพออาจมีความเสี่ยงต่อการแท้งสูง ส่งผลต่อทารกอาจมีความบกพร่องในการพัฒนาสมอง ร่างกายแคระแกรน ร่างกายจะเติบโตช้ากว่าปกติ อาหารที่มีสารไอโอดีนตามธรรมชาติพบมากใน พืชและสัตว์ทะเลเช่น ปลาทะเล กุ้งทะเล สาหร่ายทะเล นมวัว โยเกิร์ต ชีส ปลาทูน่า ปลาทู ปลากะพง เป็นต้น
สรุป
อยากให้ลูกน้อยฉลาดมีสติปัญญาดีการใส่ใจในเรื่องโภชนาการให้ลูกจึงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ระดับเชาว์ปัญญาของลูกน้อยจะมาจากหลากหลายปัจจัยซึ่งหนึ่งในนั้นคือ การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน
ดังนั้น การเสริม IQ ให้ลูกน้อยมีสติปัญญาที่ดี เรียนรู้เร็ว มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและสมองเหมาะสมตามวัยนอกจากการรับประทานนมแม่แล้วอาจเสริมด้วย 5 อาหารบำรุงสมองให้ลูกๆ จากแหล่งอาหารอื่นๆ ร่วมด้วยเพื่อการทำงานของระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ