น้ำคาวปลากี่วันหมด แบบไหนถึงเรียกว่าผิดปกติ ต้องพบแพทย์
หลังคลอดสิ่งหนึ่งที่คุณแม่ต้องเจอ และต้องหมั่นสังเกตตัวเองเป็นประจำทุกวันนั่นก็คือ ลักษณะของ “น้ำคาวปลา” ค่ะ แล้วน้ำคาวปลากี่วันถึงจะหมด ต้องดูแลตัวเองอย่างไรในขณะที่มีน้ำคาวปลาอยู่ แบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ และควรไปพบแพทย์ วันนี้เรามีข้อมูลมาฝากค่ะ
น้ำคาวปลา คืออะไร?
คือของเหลวที่ออกมาจากช่องคลอดหลังการคลอด โดยมีลักษณะเป็นเลือดปนน้ำเหลือง ประกอบไปด้วยน้ำคร่ำ น้ำเหลือง เลือด และสิ่งต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ในโพรงมดลูกที่หลุดออกมา ส่วนใหญ่แล้วคุณแม่ที่คลอดลูกแบบธรรมชาติจะมีปริมาณน้ำคาวปลามากกว่าคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอด เนื่องจากแพทย์จะทำความสะอาดโพรงมดลูกให้ด้วย ปกติแล้วน้ำคาวปลาจะมีกลิ่นเหมือนประจำเดือนปกติ ไม่มีกลิ่นเหม็นนะคะ
น้ำคาวปลามีกี่ระยะ
ก่อนที่คุณแม่จะรู้ได้ว่าน้ำคาวปลากี่วันหมดหรือแบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ คุณแม่จำเป็นที่จะต้องรู้พื้นฐานระยะของน้ำคาวปลากันสักหน่อยก่อนค่ะ ซึ่งจากข้อมูลของ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ท่านได้อธิบายเกี่ยวกับระยะปกติของน้ำคาวปลา ว่าแบ่งออกเป็น 3 ระยะด้วยกัน ดังนี้
น้ำคาวปลาแดง (Lochia Rubra)
น้ำคาวปลาแดงนี้จะออกมาตั้งแต่วันแรกหลังคลอด และจะอยู่นานประมาณ 3-5 วัน มีสีแดงคล้ำ ๆ เนื่องจากประกอบไปด้วยเลือด เมือก และเศษรกที่ตกค้างในโพรงมดลูก
น้ำคาวปลาเหลืองใส (Lochia Serosa)
จะต่อจากน้ำคาวปลาแดง เรื่อยไปจนถึงวันที่ 10 หลังคลอด โดยประมาณ หลังจากนั้นจะค่อย ๆ จางลงเป็นสีน้ำตาลหรือสีชมพู แล้วก็จะค่อย ๆ กลายเป็นสีเหลืองใส ซึ่งน้ำคาวปลาในช่วงนี้จะประกอบไปด้วยน้ำเหลือง เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเยื่อเมือก
น้ำคาวปลาขาว (Lochia Alba)
น้ำคาวปลาระยะนี้จะออกต่อจากน้ำคาวปลาเหลืองใสไปอีกจนถึง 6 สัปดาห์หลังคลอด ซึ่งจะมีสีเหลืองขุ่นจนไปทางขาว ประกอบด้วยเม็ดเลือดแดงที่น้อยลง แต่จะมีเม็ดเลือดขาว เมือก ไขมัน และเซลล์บุผนังช่องคลอดที่เพิ่มมากขึ้นแทน เมื่อมาถึงระยะนี้น้ำคาวปลาจะค่อย ๆ ลดลงจนแห้งสนิท
น้ำคาวปลากี่วันหมด
Cr. Photo mediqueandobyaf.wordpress.com
นับจากหลังคลอด คุณแม่จะมีน้ำคาวปลาในปริมาณทั้งหมด 200 – 500 มิลลิลิตร จากนั้นก็จะค่อย ๆ ลดลง จนหมดไป เมื่อแผลที่เกิดจากการเกาะของรกในโพรงมดลูกนั้นหายสนิท ปกติแล้วก็จะใช้เวลาประมาณ 3 – 4 สัปดาห์ น้ำคาวปลาก็จะหมดไป จะมีบ้างในบางรายที่อาจมีน้ำคาวปลาหลังคลอดนานถึง 6 สัปดาห์ ของแม่โน้ตเองก็มีประมาณ 3 สัปดาห์นิด ๆ นะคะ
การดูแลตัวเองขณะมีน้ำคาวปลา
ในระยะที่คุณแม่หลังคลอดมีน้ำคาวปลา อยู่การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ หลัก ๆ ก็เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้
ใช้ผ้าอนามัยชนิดใหญ่
ผ้าอนามัยชนิดใหญ่พิเศษนี้ทางโรงพยาบาลจะเตรียมให้เพราะเหมาะกับผู้หญิงหลังคลอดโดยเฉพาะ เนื่องจากในช่วงแรกนี้น้ำคาวปลาจะไหลออกมาค่อนข้างมาก ลักษณะจะคล้ายเลือด
หมั่นเปลี่ยนผ้าอนามัย
เพื่อป้องกันการหมักหมม และความเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ โดยเปลี่ยนทุก ๆ 3 – 4 ชั่วโมง ซึ่งคุณแม่อาจจะพิจารณาจากปริมาณของน้ำคาวปลาที่ออกมาก็ได้ค่ะ ถ้าเยอะมากสามารถเปลี่ยนได้ทุก 2 ชั่วโมง
ล้างมือให้สะอาด
ก่อนการเปลี่ยนผ้าอนามัยชิ้นใหม่ ให้คุณแม่ล้างมือให้สะอาดก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ไม่ควรแช่ในอ่างน้ำ หรือว่ายน้ำ
การอาบน้ำสามารถทำได้ในคุณแม่ที่คลอดแบบธรรมชาติ โดยให้น้ำไหลผ่านไปตามปกติ แต่ไม่ควรแช่ในอ่างน้ำ หรือว่ายน้ำ ส่วนแผลฝีเย็บสามารถทำความสะอาดได้โดยใช้สบู่อ่อน ๆ และซับให้แห้ง ส่วนคุณแม่ที่ผ่าตัดคลอด ควรตัดไหมก่อนอาบน้ำ ยกเว้นว่าคุณหมอมีการปิดแผลด้วยพลาสเตอร์กันน้ำ และอนุญาตให้อาบน้ำได้
ดูแลฝีเย็บให้แห้ง
หากคุณแม่คลอดแบบธรรมชาติ บางรายจะมีแผลฝีเย็บซึ่งไม่ว่าจะเป็นหลังอาบน้ำ หรือหลังการขับถ่าย ให้คุณแม่ซับให้แห้งนะคะ เพื่อป้องกันการอับชื้น และติดเชื้อ
ห้ามใช้ผ้าอนามัยแบบสอดหรือถ้วยอนามัย
จนกว่าจะถึงรอบที่คุณแม่มีนัดตรวจกับคุณหมอหลัง 6 สัปดาห์หลังคลอด เนื่องจากมดลูกและช่องคลอดยังไม่หายดี ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อได้
น้ำคาวปลาแบบไหนที่เรียกว่าผิดปกติ และควรพบแพทย์
คุณแม่สามารถสังเกตตัวเองได้เบื้องต้นค่ะ ว่าน้ำคาวปลามีความผิดปกติหรือไม่ หากน้ำคาวปลามีความผิดปกติ จะมีลักษณะ ดังนี้
-
- น้ำคาวปลามีปริมาณมาก ต้องเปลี่ยนทุก ๆ 1 ชั่วโมง
- น้ำคาวปลามีกลิ่นเหม็นเน่า ปวดมดลูกมาก บางรายอาจมีอาการไข้ร่วมด้วย ซึ่งเป็นลักษณะของการติดเชื้อ
- น้ำคาวปลามีลักษณะสีแดงสด ออกมาเป็นก้อนเลือด หรือมีลิ่มเลือดออกมาด้วย ซึ่งเป็นลักษณะของน้ำคาวปลาที่ผิดปกติหลังคลอด อาจมีสาเหตุมาจากการกินยาขับเลือด จึงทำให้บางส่วนของรกที่ตกค้างในมดลูกหลุดออกมา หรือมีการติดเชื้อในโพรงมดลูก และอาจเป็นไปได้ว่ามีความผิดปกติจากการแข็งตัวของเม็ดเลือด
- คุณแม่อาจเห็นว่าก่อนหน้านี้น้ำคาวปลามีสีที่จางลงแล้ว แต่อยู่ดี ๆ ก็กลับมามีสีแดงสดอีก โดยเป็นระยะเวลาประมาณ 4 วัน หลังคลอด ซึ่งถึงแม้ว่าจะพักผ่อนได้เต็มที่แล้วก็ตาม
- น้ำคาวปลายังคงออกมามาก โดยไม่มีทีท่าว่าจะลดหรือจางลง พร้อมกับมีไข้ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และหัวใจเต้นเร็ว เหมือนจะเป็นลม
ควรกินยาขับน้ำคาวปลาไหม
รศ.พญ.สายฝน ชวาลไพบูลย์ ภาควิชาสูติศาสตร์ นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ให้ความคิดเห็นในเรื่องนี้เอาไว้ว่า
“มีหลายต่อหลายคนที่เชื่อว่าการกินยาขับน้ำคาวปลา คือ เป็นการช่วยขับของเสียออกมาให้หมด แต่มีคุณแม่หลายคนที่กินยาขับน้ำคาวปลาแล้วเกิดอาการตกเลือด บางรายถึงขั้นหมดสติ และบางรายถึงขั้นเสียชีวิต”
น้ำคาวปลาจะเริ่มออกมาตั้งแต่คุณแม่คลอดลูกเสร็จ ทั้งนี้ คุณหมอและพยาบาลจะแนะนำให้เคลื่อนไหวร่างกาย เพื่อเป็นการขับเลือดหรือขับสิ่งต่าง ๆ ที่ตกค้างอยู่ออกมาให้หมด ทั้งนี้ เมื่อคุณแม่ได้กลับไปพักที่บ้านแล้ว ก็ควรสังเกตตัวเองในทุกวันนะคะ ว่าน้ำคาวปลามีส่วนที่ผิดปกติอะไรหรือไม่ เพื่อที่จะได้ปรึกษาคุณหมอและเข้ารับการรักษาได้อย่างถูกต้อง
อ้างอิง siangtai.com, drsant.com, haarmor.com
บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
- มดลูกเข้าอู่กี่วัน อาการผิดปกติของมดลูกเป็นอย่างไร?
- อยู่ไฟหลังคลอด จำเป็นไหม? ควรระวังอะไรบ้างn